คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ เรียกร้องให้มีการเพิ่มความแข็งแกร่งของหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษและ "กำลังพลที่เชี่ยวชาญด้านการซุ่มยิง" โดยให้ถือเป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างกองทัพ ตามรายงานของสื่อ KCNA วันนี้ (28 ส.ค.)
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นระหว่างที่ผู้นำ คิม เดินทางไปตรวจเยี่ยมศูนย์ฝึกปฏิบัติการบพิเศษ โดย KCNA อ้างถ้อยแถลงของ คิม ซึ่งระบุว่า "การเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างมากให้กับหน่วยปฏิบัติการรบพิเศษ และกองกำลังซุ่มยิง เป็นภารกิจสำคัญในการยกระดับกองทัพของเราในอนาคต"
สื่อโสมแดงระบุว่า ผู้นำ คิม ยังได้ตรวจสอบปืนไรเฟิลซุ่มยิงรุ่นใหม่ๆ ของกองทัพโสมแดงด้วย
การไปเยือนค่ายฝึกทหารในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และประธานาธิบดี อี แจมยอง แห่งเกาหลีใต้ ได้พบปะกันที่ทำเนียบขาวในสัปดาห์นี้ และมีการเอ่ยถึงสายสัมพันธ์ที่ดีระหว่าง ทรัมป์ กับ คิม จองอึน รวมถึงเกริ่นถึงความเป็นไปได้ที่ผู้นำสหรัฐฯ กับเกาหลีเหนือจะพบกันอีกครั้ง
สหรัฐฯ และเกาหลีใต้ปิดฉากการซ้อมรบร่วมประจำปีในวันนี้ (28) โดยทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้ฝึกปฏิบัติการพิเศษร่วมต่างๆ รวมถึง "ภารกิจการฝึกใช้อาวุธต่อต้านการทำลายล้างสูง" ตามถ้อยแถลงของกองกำลังสหรัฐฯ ในเกาหลีใต้วันนี้ (28)
ทั้งนี้ ปฏิบัติการฝึกบางส่วนซึ่งเกาหลีเหนือมักจะวิจารณ์ว่าเป็น "การซ้อมรุกราน" ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นช่วงเดือน ก.ย.
เจ้าหน้าที่รัฐบาลโสมขาวยอมรับว่า การชะลอภารกิจฝึกซ้อมบางส่วนออกไปนั้นก็เพื่อลดความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ
ประธานาธิบดี อี แจมยอง ได้พยายามส่งสัญญาณขอฟื้นฟูความสัมพันธ์กับเปียงยางตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในเดือน มิ.ย. ทว่ารัฐบาลเกาหลีเหนือยังมีท่าทีแข็งกร้าวไม่ยอมเจรจาด้วย แถมยังวิจารณ์ท่าทีของ อี ว่าเป็นการ "ตีสองหน้า"
หลังเสร็จสิ้นการประชุมซัมมิตกับทรัมป์ ผู้นำเกาหลีใต้ระบุว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจะทำงานร่วมกันเพื่อมุ่งไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี พร้อมยอมรับว่ามาตรการคว่ำบาตรต่อประเทศที่ "ยากจนแต่ก้าวร้าว" อย่างเกาหลีเหนือนั้นไม่ประสบผลสำเร็จในการโน้มน้าวให้เปียงยางยอมละทิ้งโครงการอาวุธ
สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือออกมาประณาม อี ว่าเป็นพวก "ตีสองหน้า" ที่หมกมุ่นอยู่แต่กับการ "ปลดอาวุธนิวเคลียร์" และย้ำว่าเกาหลีเหนือไม่มีวันที่จะละทิ้งอาวุธทำลายล้างสูงอย่างเด็ดขาด
ที่มา: รอยเตอร์