จีนเมื่อวันพุธ(27ส.ค.) ระบุจะไม่เข้าร่วมในการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์กับสหรัฐฯและรัสเซีย เรียกความคิดนี้ว่า "ไม่สมเหตุผสมผลและปราศจากความเป็นจริง" เนื่องด้วยปักกิ่งครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ในจำนวนเพียงเล็กน้อย เพื่อการป้องกันประเทศเท่านั้น
เมื่อถามความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้ปักกิ่งเข้าร่วมความคิดริเริ่มดังกล่าว ทาง กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบว่าจีนและอเมริกาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน ในแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์
"ประเทศที่นั่งทับคลังแสงนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ควรทำตามภาระหน้าที่รับผิดชอบหลักๆและภาระหน้าที่พิเศษสำหรับการปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างจริงจัง" เขากล่าวอ้างถึงสหรัฐฯ
กัว ย้ว่าปักกิ่งปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อนโยบาย "ไม่ใช้ก่อน" และคงไว้ซึ่งคลังแสงในขั้นต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับความมั่นคงแห่งชาติ "จีนไม่เคยง่วนอยู่กับการแข่งขันสะสมอาวุธไม่ว่าจะกับใครก็ตาม" เขากล่าว พร้อมเรียกว่า "มันทั้งไม่สมเหตุสมผลและไม่มองความเป็นจริง ที่ขอให้จีนเข้าร่วม"
ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์(25ส.ค.) เปิดเผยว่าเขาได้หารือเกี่ยวกับการลดอาวุธนิวเคลียร์กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ระหว่างพบปะกันในอะแลสกา "เรากำลังพูดคุยเกี่ยวกับการจำกัดนิวเคลียร์ เราจะดึงจีนเข้ามาร่วมด้วย เรามีมากที่สุด รัสเซียมากเป็นอันดับ 2 และจีนอันดับ 3 แม้จีนตามหลังมาห่างมาก แต่พวกเขาจะไล่หลังเราใน 5 ปี" เขากล่าว ขณะที่มอสโกไม่ขอแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้
อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพนานาชาติสตอกโฮมล์ม พบว่ารัสเซียมีหัวรบนิวเคลียร์ 2,591 หัวรบในคลังแสงและในประจำการ 1,718 หัวรบ ส่วนสหรัฐฯมี 1,930 หัวรบและ 1,770 หัวรบตามลำดับ ขณะที่คาดหมายว่าคลังแสงของจีน มีหัวรบ 576 หัวรบ แต่มีหัวรบในประจำการเพียง 24 หัวรบ ส่วนสหราชอาณาจักรและฝรั่งเศส มีหัวรบนิวเคลียร์ 120 และ 280 หัวรบตามลำดับ
ข้อตกลงควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ฉบับสุดท้ายที่เหลืออยู่ระหว่างวอชิงตันกับมอสโก "สนธิสัญญา New START" จำกัดการประจำการหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ไว้ที่ 1,550 หัวรบ ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ มันมีการลงนามในปี 2010 และมีกำหนดหมดอายุลงตั้งแต่ปี 2021 ทว่าได้รับการขยายกรอบเวลาออกมาอีก 5 ปี จนถึง 2026
รัสเซียระงับการมีส่วนร่วมอย่างเป็นทางการในสนธิสัญญาดังกล่าวในปี 2023 ตอบโต้กรณีที่สหรัฐฯมอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน แต่บอกว่าจะเดินหน้ายึดถือมันต่อไป ด้วยการทำตามข้อจำกัดต่างๆที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญา
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)