เอเจนซีส์ – รัฐมนตรีการคลังฝรั่งเศส เอริก ลอมบาร์ ( Eric Lombard) ออกโรงเตือนแดนน้ำหอมอยู่ในความเสี่ยงอาจต้องขอรับการเยียวยาจาก IMF เพื่อพยุงเศรษฐกิจ หลังรัฐบาลปารีสของนายกรัฐมนตรี ฟร็องซัว บายรู ใกล้ล้มตามชุดเก่าของอดีตนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส มีแชล บาร์นีเย
เดลีเทเลกราฟของอังกฤษรายงานวานนี้(26 ส.ค)ว่า ต้นทุนเงินกู้ระยะยาวฝรั่งเศสแตะสระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2011 ในวันอังคาร(26)ท่ามกลางความหวั่นวิตกถึงเสถียรภาพรัฐบาลนายกรัฐมนตรี ฟร็องซัว บายรู ที่ใกล้ล้มเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาแค่ปีเดียวจะส่งผลทำให้ไม่สามารถแก้ปัญหาการขาดดุลทางงบประมาณได้ที่กำลังแตะ 5.4% ของตัวเลขจีดีพีปีนี้
รัฐมนตรีการคลังฝรั่งเศส เอริก ลอมบาร์ (Eric Lombard)ยอมรับว่าการร้องของให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF เข้ามาแทรกแซงเป็นความเสี่ยงที่กำลังอยู่ตรงหน้าพวกเราจากการที่ฝรั่งเศสกำลังพยายามอย่างหนักภายใต้ก้อนหนี้ประเทศที่กำลังเพิ่มเป็นเงาตามตัว
เดลีเทเลกราฟชี้ว่า แดนน้ำหอมไม่เคยต้องได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ IMF มาก่อนแต่ทว่าการล้มของรัฐบาลฝรั่งเศสจะส่งผลร้ายต่อสถานะของประเทศที่มีหนี้สาธารณะอยู่ราว 3.3 ล้านล้านยูโร (2.85 ล้านล้านปอนด์)
ลอมบาร์กล่าวต่อว่า “ความเสี่ยวที่พวกเราต้องการเลี่ยงและสิ่งหนึ่งที่พวกเราสมควรหลีกเลี่ยงแต่ผมไม่สามารถพูดกับคุณว่าความเสี่ยงนี้ไม่มีอยู่”
บรรดาพรรคฝ่ายค้านแดนน้ำหอมต่างดาน้ำประกาศตัวพร้อมที่จะโหวตต้านนายกรัฐมนตรี ฟร็องซัว บายรู หลังเขาพยายามผ่าทางตันทางการเมืองต่อข้อเสนอการตัดงบระมาณครั้งใหญ่ด้วยประกาศจัดให้มีการลงมติไว้วางใจสำหรับรัฐบาลของเขา
เกิดขึ้นหลังก่อนหน้าอดีตนายกรัฐมนตรีแดนน้ำหอม มีแชล บาร์นีเย ต้องถูกโหวตไม่ไว้วางใจออกจากตำแหน่งในธันวาคมปีที่แล้วหลังล้มเหลวไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้มากพอสำหรับการลดรายจ่ายสาธารณะครั้งใหญ่
สื่ออังกฤษประเมินว่า ดูเหมือนบายรูจะถูกโหวตไม่ไว้วางใจที่มีกำหนดจะเกิดขึ้นในวันที่ 8 ก.ย ต่อแผนการประกาศตัดลดการขาดุลทางงบประมาณลงราว 1.5% ของตัวเลขจีดีพีของปีหน้า
อย่างไรก็ตามฝรั่งเศสยังคงมีความสุขกับต้นทุนการกู้ที่ต่ำกว่าของอังกฤษถึงแม้ว่าจะมีระดับหนี้สูงกว่าและเกิดปัญหาวิกฤตล็อกทางการเมืองในประเทศก็ตาม โดย อัตราผลตอบแทนสำหรับพันธบัตรบอนด์ระยะเวลา 10 ปีอยู่ที่ราว 3.5% เมื่อเทียบกับของอังกฤษที่ 4.8%
แอนดรูว์ เคนนิงแฮม (Andrew Kenningham) จาก Capital Economics แสดงความเห็นว่า “การตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสในการเรียกให้มีการลงมติไว้วางใจล่วงหน้าน่าจะทำให้เกิดการแทนที่เขาด้วยนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนใหม่หรือ(ที่อาจเป็นไปได้น้อยกว่า)ในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภานิติบัญญัติฝรั่งเศส”
และเสริมว่า “ไม่ว่าจะในทางใด การขาดดุลทางงบประมาณของฝรั่งเศสจะยังคงอยู่เหนือระดับที่จำป็นต้องเสถียรภาพอัตราสัดส่วนหนี้”