เอเจนซีส์ - ย่างก้าวที่สำคัญของมนุษยชาติกำลังมาถึงอย่างไม่น่าเชื่อเมื่อบริษัทจีน Kaiwa Technology ออกมาประกาศชวนขนหัวลุกว่า กำลังมีแผนพัฒนาหุ่นยนต์ AI ที่มีมดลูกเทียมฝังเพื่อให้บริการอุ้มท้องให้กำเนิดทารกมนุษย์เป็นครั้งแรกของโลก คาดจะสามารถเปิดตัวหุ่นต้นแบบได้ในปี 2026
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กโพสต์ของสหรัฐฯรายงานวันเสาร์(17 ส.ค)ว่า มีรายงานสะพัดไปทั่วว่า จีนกำลังซุ่มวางแผนพัฒนาหุ่นยนต์ที่มีมดลูกเทียมที่จะรับสารอาหารผ่านท่อที่ท้อง ซึ่งตัวอ่อนมนุษย์ที่ฝังอยู่ด้านในจะพัฒนาเป็นคนอยู่ในท้องของหุ่นในระยะนาน 9 เดือน – 10 เดือนก่อนที่จะคลอดคนออกมาอ้างอิงโชซุน บิซ (Chosun Biz)
เดลีเทเลกราฟของอังกฤษชี้ว่า บรรดาผู้เชี่ยวชาญยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยว่าจะทำการฝังตัวอ่อนมนุษย์อย่างไรในครรภ์ที่จะถูกพัฒนาให้มีสิ่งแวดล้อมใกล้เคียงของเดิมคือครรภ์ของผู้หญิง หรือการที่ทารกในครรภ์หุ่นยนต์จะคลอดออกมาอย่างไร
นิวยอร์กโพสต์รายงานว่า หุ่นยนต์ AI ตั้งครรภ์ได้นี้เป็นผลงานของดร. Zhang Qifeng ผู้ก่อตั้งบริษัท Kaiwa Technology ที่มีฐานในมณฑลกวางโจว จีน ซึ่งหากว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผน หุ่นยนต์ AI ที่มาพร้อมมดลูกเทียมจะสามารถเปิดตัวได้ในปีหน้า
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า ผลงานสุดทึ่งที่เหมือนหลุดออกมาจากภาพยนต์ไซไฟอวกาศจะเหมาะสำหรับคู่สมรสที่มีบุตรยากและสามารถเลือกใช้บริการหุ่นยนต์ AI ตั้งครรภ์ได้ในราคาตกแค่ 100,000 หยวนหรือราว 14,000 ดอลลาร์เท่านั้นเทียบกับการที่พ่อแม่อเมริกันอาจต้องใช้เงินราว 100,000 ดอลลาร์ – 200,000 ดอลลาร์ในกระบวนการ IVE หาแม่อุ้มบุญ
Qifeng ซึ่งสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยี(Nanyang Technological University)ในสิงคโปร์เปิดเผยกับโชซุนบิซว่า
“เทคโนโลยีมดลูกเทียมนี้อยู่ในขั้นระยะเติบโตเต็มที่และเวลานี้แค่ฝังไว้ที่ท้องของหุ่นยนต์เพื่อที่ว่าคนจริงและหุ่นยนต์สามารถมีปฎิสัมพันธ์เพื่อทำให้เกิดการตั้งครรภ์ขึ้นมาและทำให้ตัวอ่อนของคนปฎิสนธิอยู่ด้านใน”
และกล่าวต่อว่า “พวกเราได้มีการหารือผ่านฟอรัมกับเจ้าหน้าที่ในมณฑลกวางโจวและเตรียมร่างสำหรับการออกเป็นกฎหมายและนโยบาย
แต่ทว่าความท้าทายเทคโนโลยีที่มีผลต่อมนุษยชาติทำให้การโต้เถียงทางกฎหมายและทางจริยธรรมขึ้นมาทันที
เดลีเทเลกราฟชี้ว่า อันเดรีย ดวอร์คิน (Andrea Dworkin) นักเขียนที่มีแนวคิดสิทธิสตรีสุดโต่งก่อนหน้าได้เคยออกมาโจมตีเทคโนโลยีมดลูกเทียมนี้ด้วยกลัวว่าจะเป็นการทำให้ผู้หญิงที่รับบทบาทการตั้งครรภ์และเป็นแม่นี้ต้องจบสิ้นไป
แต่มีอีกหลายเสียงแสดงความเห็นด้วยโดยชี้ว่า อาจเป็นโอกาสใหม่ที่ทจะปลดปล่อยผู้หญิงจากการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติที่ต้องมีความเจ็บปวดระหว่างการคลอดและผจญกับหลายสิ่งระหว่างการตั้งครรภ์นาน 9 เดือน
ซึ่งมีนักวิจัยจากโรงพยาบาลเด็กฟิลาเดลเฟียเคยตีพิมพ์บทความในปี 2022 ชี้ว่าเทคโนโลยีมดลูกเทียมนี้อาจเป็นการคุกคามการตั้งครรภ์