กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกมาย้ำหลักการพึ่งพาตนเองในด้านความมั่นคงวันนี้ (19 ส.ค.) โดยเป็นการตอบโต้หลังจากที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ หางสหรัฐฯ ออกมากล่าวว่าได้รับคำยืนยันจากประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ว่าจีนจะไม่ใช้กำลังทหารบุกไต้หวันในระหว่างที่ ทรัมป์ ยังเป็นผู้นำสหรัฐฯ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยต้องเผชิญแรงกดดันข่มขู่ทั้งทางทหารและการเมืองอย่างหนักจากจีน ซึ่งมองว่าเกาะแห่งนี้เป็นเสมือน “แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์” ของตนเอง ปักกิ่งยังไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันมาอยู่ใต้การควบคุมหากมีความจำเป็น
เมื่อถูกถามถึงถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ เซียว กวงเหว่ย (Hsiao Kuang-wei 蕭光偉) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบว่ารัฐบาลไทเปเฝ้าจับตาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนอย่างใกล้ชิด
“ความมั่นคงของไต้หวันต้องมาจากความพยายามของตัวเราเอง ฉะนั้นประเทศของเราจึงได้ทุ่มเททรัพยากรเพื่อเพิ่มศักยภาพและความยืดหยุ่นด้านการป้องกันตนเอง ประเทศของเราจะยังคงทำงานหนักต่อไปในด้านนี้” เซียว บอกกับสื่อที่กรุงไทเป
สหรัฐฯ ถือเป็นมหาอำนาจรายใหญ่ที่สุดที่ให้การหนุนหลังไต้หวันในเวทีโลกและยังเป็นซัพพลายเออร์อาวุธรายใหญ่ด้วย แม้จะไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตแบบเป็นทางการก็ตาม
ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่เคยทำสนธิสัญญาว่าด้วยการป้องกันประเทศ ดังนั้นหากจีนตัดสินใจรุกรานไต้หวันจริง สหรัฐฯ ก็ไม่ได้มีพันธกรณีใดๆ ที่จะต้องยื่นมือเข้ามาช่วย
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ มีพันธกรณีตามกฎหมายที่จะต้องจัดหาแนวทางให้ไต้หวันป้องกันตนเองได้ และใช้นโยบาย “ความกำกวมทางยุทธศาสตร์” (strategic ambiguity) ซึ่งหมายถึงการไม่ประกาศชัดเจนลงไปว่า สหรัฐฯ จะตอบโต้ทางทหารหรือไม่หากจีนรุกรานไต้หวัน
ทรัมป์ เอ่ยถึงโอกาสที่จีนจะบุกไต้หวันในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์กับ Fox News ก่อนจะเดินทางไปประชุมซัมมิตกับประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียที่รัฐอะแลสกาเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (15)
เมื่อวันจันทร์ (18) กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ออกมาตอบโต้ถ้อยแถลงของผู้นำสหรัฐฯ โดยยืนยันว่าไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน และเป็นเรื่องที่ชาวจีนจะแก้ไขกันเอง
ไต้หวันปฏิเสธการอ้างอธิปไตยของปักกิ่ง และย้ำว่าอนาคตของเกาะแห่งนี้มีเพียงชาวไต้หวันเองเท่านั้นที่จะตัดสินใจได้
ที่มา: รอยเตอร์