บรรดากำลังพลจากกองกำลังป้องกันชาติ ที่ถูกส่งเข้าลาดตระเวนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ส่วนหนึ่งในมาตรการยกระดับควบคุมอาชญากรรมรุนแรงภายในเมืองหลวงแห่งนี้ของประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกไม่นานจะได้รับอนุญาตให้ติดอาวุธระหว่างปฏิบัติหน้าที่ จากการเปิดเผยของโฆษกกองกำลังป้องกันชาติในวันอาทิตย์(17ส.ค.)
กองทัพเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยืนยันว่าสมาชิกกองกำลังป้องกันชาติ จะไม่ถืออาวุธและจะไม่ทำการจับกุมใดๆ อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์(17ส.ค.) จ่าสิบเอกอาวุโส เครก แคลปเปอร์ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าวเอ็นพีอาร์ผ่านคำแถลง ระบุว่า "สมาชิกกองกำลังป้องกันชาติอาจติดอาวุธสอดคล้องกับภารกิจและการฝึกฝน"
"การปรากฏตัวของพวกเขามุ่งเน้นไปที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่พลเรือนและรับประกันความปลอดภัยชุมชนที่พวกเขาดูแล" แคลปเปอร์กล่าว "กองกำลังป้องกันชาติดี.ซี. ยังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือดี.ซี. และรับใช้ประชาชนของเมืองแห่งนี้และผู้มาเยือน เมื่อใดก็ตามที่ได้รับการร้องขอ"
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นเดือน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงว่ารัฐบาลกลางจะเข้าควบคุมกรมตำรวจนครบาลดี.ซี. และจะส่งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางและกำลังพลของกองกำลังป้องกันชาติหลายร้อยนาย เข้าไปยังเมืองหลวง
ในวันพฤหัสบดี(14ส.ค.) กองทัพระบุว่า "อาวุธของกำลังพลป้องกันชาติจะยังคงอยู่ในคลังแสง ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้ และสมาชิกของกองกำลังป้องกันชาติที่ประจำการอยู่ตามสถานที่สาธารณะจะไม่ดำเนินการจับกุมใดๆ โดยทำหน้าที่เพียงแค่ป้องปรามอาชญากรรมเท่านั้น" ถ้อยแถลงระบุ พร้อมบอกว่ากำลังพลเหล่านี้จะมียุทโธปกรณ์สำหรับป้องกันตนเองเท่านั้น อย่างเช่นเสื้อเกราะ
กฎหมาย Posse Comitatus Act ห้ามมิให้กองทัพสหรัฐฯ ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่พลเรือนในการบังคับใช้กฎหมายหรือปราบปรามความไม่สงบเรียบร้อย จนกว่าจะได้รับอนุญาตอย่างชัดเจนโดยรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายที่บัญญัติขึ้นโดยสภาคองเกรส อย่างไรก็ตามกำลังพลของกองกำลังป้องกันชาติที่ถูกส่งเข้าประจำการตามเมืองต่างๆ ได้มีการติดอาวุธกันไปบ้างแล้ว ในนั้นรวมถึงกำลังพลที่ช่วยลาดตระเวนไปตามระบบขนส่งมวลชนของเมืองนิวยอร์ก ซิตี
ความเคลื่อนไหวนี้โหมกระพือเสียงโวยวายจากพวกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและพวกชาวบ้าน ที่บอกว่าแผนของทรัมป์ถือเป็นการกระทำที่เลยเถิดเกินไปโดยรัฐบางกลาง
ทรัมป์ อ้างว่าเขาจำเป็นต้องขยายการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน สืบเนื่องจากเมืองหลวงแห่งนี้ถูกยึดโดยแก๊งต่างๆที่ใช้ความรุนแรงและพวกอาชญากรกระหายเลือด กำราบม็อบวัยรุ่นที่บ้าคลั่ง ขับไล่พวกคนวิกลจริตและคนเร่ร่อน
อย่างไรก็ตามในข้อเท็จจริงคือ จากข้อมูลพบว่าอาชญากรรมรุนแรงในเมืองแห่งนี้ ลดลง 26% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
เจ้าหน้าที่ได้จับกุมผู้ต้องสงสัย 308 รายในกรุงวอชิงตัน นับตั้งแต่วันที่ 7 สิงหาคมเป็นต้นมา ในนนั้นรวมถึงผู้อพยพที่เดินทางเข้าสหรัฐฯแบบผิดกฎหมาย 135 ราย และสามารถยึดอาวุธปืนได้ราว 53 กระบอก
"ความเป็นผู้นำที่กล้าหาญของทรัมป์ ทำให้เมืองหลวงของประเทศของเรา ปลอดภัยขึ้นอย่างรวดเร็ว" เทย์เลอร์ โรเจอร์ โฆษกทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่ในวันอาทิตย์(17ส.ค.) "ในช่วงไม่ถึง 10 วัน อาชญากรอันตรายกว่า 300 คนถูกจับกุมและถูกนำตัวพ้นจากท้องถนนของกรุงวอชิงตัน ประธานาธิบดีทรัมป์ทำตามคำสัญญาระหว่างหาเสียง ที่ว่าจะทำความสะอาดเมืองแห่งนี้และกอบกู้ความยิ่งใหญ่ของอเมริกาแก่เมืองหลวงหัวแก้วหัวแหวนของเรา"
(ที่มา:เอ็นพีอาร์)