ยอดนำเข้าสินค้าจากไทยของกัมพูชา ลดลง 44% ในเดือนกรกฏาคม เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ท่ามกลางข้อพิพาทเกี่ยวกับชายแดน ที่เป็นผลให้มีการปิดด่านชายแดนและคว่ำบาตรสินค้าไทย ขณะเดียวกันพวกผู้เชี่ยวชาญเขมรพากันส่งเสียงร้องให้พึ่งพาตนเองมากขึ้น และเน้นกระจายตลาด เพื่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว
ข้อมูลจากกรมศุลกากรและสรรพสามิต (GDCE) เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พบว่ายอดนำเข้าสินค้าจากไทยลดลงสู่ระดับ 166 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ(ราว 5,360 ล้านบาท) ในเดือนกรฏาคม จากระดับ 297.40 ล้านดอลลาร์(9,600 ล้านบาท) ของเดือนเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่การส่งออกสินค้าจากกัมพูชาไปไทย ลดลง 31.3% จากระดับ 59.2 ล้านดอลลาร์(ราว 1,900 ล้านบาท) เหลือ 40.6 ล้านดอลลาร์(ราว ราว 1,300 ล้านบาท)
ระหว่างเดือนมกราคมถึงกรกฏาคม ตัวเลขการส่งออกของกัมพูชามายังไทย อยู่ที่ 488.70 ล้านดอลลาร์(ราว 15,800 ล้านบาท) และนำเข้าอยู่ที่ 1,900 ล้านดอลลาร์(ราว 61,000 ล้านบาท) ส่งผลให้การค้าทวิภาคีโดยรวมอยู่ที่ 2,400 ล้าน(ราว 77,000 ล้านบาท) ซึ่งลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 0.6%
Chey Tech นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจและสังคม ให้ความเห็นกับคิริโพสต์ สื่อมวลชนกัมพูชาภาคภาษาอังกฤษ ระบุ "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตัวเลขที่ลดลงในเดือนกรฏาคม เป็นผลจากประเด็นชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา"
"มันลดลงราว 44% ในเดือนนี้และจะเป็นเช่นนี้ต่อไปในเดือนหน้า" เขากล่าว พร้อมเน้นย้ำว่าพบเห็นการนำเข้าลดลงที่เกี่ยวข้องกับสินค้าต่างๆที่มีแหล่งที่มาจากไทยและจากประเทศที่ 3 ที่นำเข้ามายังกัมพูชาผ่านประเทศไทย
"นี่เป็นความทรงจำประวัติศาสตร์ของความโหดร้ายป่าเถื่อนและการรุกรานที่กระทำกับกัมพูชา โดยเฉพาะเหตุการณ์ทรมานทหารกัมพูชาเมื่อเร็วๆนี้ และการจับกุมทหาร 18 นาย ที่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว" Chey Techกล่าว
อย่างไรก็ตามตัวเลขนี้มีขึ้นแม้ว่าชาวกัมพูชาจำนวนมากบอยคอตต์สินค้าไทยทั้งหมด แต่ในความเป็นจริงคือมีเพียงไม่กี่ผลิตภัณฑ์เท่านั้นที่ถูกแบน
ตามหลังการปิดชายแดนไทย ทางกรมศุลกากรและสรรพสามิตกัมพูชาเมื่อวันที่ 16 กรฏาคม เผแพร่รายการสินค้าไทยซึ่งเป็นที่ต้องห้าม ในนั้นรวมถึงผัก, ผลไม้, เบนซิน, ดีเซล, ก๊าซปิโตรเลียมเหลว, ก๊าซไนโตรเจนเหลว, น้ำมันเชื้อเพลิงและน้ำมันเครื่องบิน
ขณะเดียวกัน Duch Darin นักเศรษฐศาสตร์อ้างว่าการลดลงอย่างมากในสินค้านำเข้าจากไทย กำลังสะท้อนถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในเศรษฐกิจ "บางอย่างในเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการเติบโตของศักยภาพการผลิตภายในในภาคการเกษตร แปรรูปอาหารและการผลิต ซึ่งทำให้ต้องพึ่งสินค้านำเข้าบางอย่างน้อยลง" เขากล่าว
เขาบอกต่อว่าการกระจายความเสี่ยงทางการค้าภายในอาเซียนและนานาชาติ มอบทางเลือกต่างๆให้กัมพูชา และเปิดทางให้กัมพูชามีสมดุลทั้งในด้านราคาและคุณภาพ สำหรับสิ่งของที่จำเป็นต้องซื้อ
"จากมุมมองทางเศรษฐศาสตร์มหภาค นี่อาจเป็นประโยชน์ในแง่ของสมดุลทางการค้าและทุนสำรองระหว่างประเทศ คงไว้ซึ่งความเข้มแข็งในด้านความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ" เขากล่าว พร้อมบอกว่าการลดพึ่งพาแหล่งสินค้าภายนอกแบบโดดๆ และยกระดับการพึ่งพาตนเอง เป็นวิธีที่สมเหตุสมผลในการกระจายความเสี่ยง ที่มีต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว
ในปี 2024 การค้าทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 4,300 ล้านดอลลาร์(ราว 139,000 ล้านบาท) โดยกัมพูชาส่งออกสินค้ามาไทยราว 844.90 ล้านดอลลาร์(ราว 27,000 ล้านบาท) และนำเข้าสินค้าไทย 3,400 ล้านดอลลาร์(ราว 110,000 ล้านบาท)
(ที่มา:คิริโพสต์)