โตโยต้า คาดหมายว่าจะได้รับผลกระทบราว 9,500 ล้านดอลลาร์(ราว 306,000 ล้านบาท) จากมาตรการรีดภาษีรถยนต์นำเข้าสหรัฐฯของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ถือว่าหนักหน่วงที่สุดเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆจนถึงตอนนี้
ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้แถลงคาดการณ์ผลประกอบจากมาตรการรีดภาษี เช่นเดียวกับกรองดำเนินงานของทางบริษัทฉบับอัพเดทในวันพฤหัสบดี(7ส.ค.)
ในคำแถลง โตโยต้ายังได้ปรับลดประมาณการผลกำไรจากการดำเนินงานตลอดทั้งปีลง 16% สะท้อนถึงความท้าทายที่บรรดาผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกต้องเผชิญ ท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นอันเนื่องจากมาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯ ที่กำหนดกับตัวรถยนต์เอง, อะไหล่, เหล็ก และอะลูมีเนียม
"ด้วยความสัตย์จริง มันยากมากๆที่จะคาดการณ์ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในแง่เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมของตลาด" ทาคาโนริ อาซูมะ หัวหน้าฝ่ายการเงินของโตโยต้าแถลงสรุป พร้อมประกาศยังคงจะเดินหน้าผลิตรถยนต์ป้อนผู้บริโภคสหรัฐฯต่อไป โดยไม่สนผลกระทบของมาตรการรีดภาษี
อาซูมะ บอกว่าตัวเลขประมาณการ 1.4 ล้านล้านเยน(9,500ล้านดอลลาร์) ในนั้นยังรวมถึงผลกระทบที่บรรดาซัพพลายเออร์ต้องเผชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นเข้าสู่สหรัฐฯ แต่เขาไม่ได้ระบุว่ายอดรวมเฉพาะในส่วนนี้คิดเป็นตัวเลขมากน้อยแค่ไหน
ธุรกิจอเมริกาเหนือของโตโยต้า พลิกผันสู่การขาดทุนจากการดำเนินงาน 431 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก จากที่เคยทำกำไร 682.90 ล้านดอลลาร์เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากมาตรการรีดภาษีราวๆ 3,000 ล้านดอลลาร์
โตโยต้า ได้ปรับลดประมาณการผลกำไรจากการดำเนินงานสำหรับปีงบประมาณสิ้นสุดเดือนมีนาคม 2026 เหลือ 21,700 ล้านดอลาร์ ลดลงจากแนวโน้มก่อนหน้านี้ที่ 25,700 ล้านดอลลาร์
ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยประมาณการว่ามาตรการรีดภาษีจะส่งผลกระทบราว 1,200 ล้านดอลลาร์ สำหรับเดือนเมษายนและพฤษภาคม แต่เป็นการนับเฉพาะผลกระทบจากมาตรการรีดภาษีที่มีต่อรถยนต์ของโตโยต้าเท่านั้น ไม่รวมถึงบรรดาซัพพลายเออร์ ขณะเดียวกันจนถึงตอนนี้พวกเขายังไม่ได้เผยแพร่ตัวเลขประมาณการตลอดทั้งปี
รายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ตอกย้ำให้เห็นถึงแรงกดดันของเพดานภาษีนำเข้าของสหรัฐฯที่มีต่อบรรดาผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น แม้ข้อตกลงการค้าระหว่างโตเกียวกับวอชิงตัน ช่วยผ่อนปรนความหนักหน่วงได้ประมาณหนึ่ง
ภายใต้ข้อตกลงเมื่อเดือนที่แล้ว รถยนต์ของญี่ปุ่นที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯจะเจอกับเพดานภาษี 15% ลดลงจากเพดานภาษีรวม 27.5% ก่อนหน้านี้ แต่กรอบเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลงยังไม่มีการเปิดเผยออกมา
เมื่อเดือนที่แล้ว โตโยต้า รายงานว่าได้ทำการผลิตรถยนต์และมียอดขายรถยนต์ทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรก สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ได้แรงขับเคลื่อนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งในอเมริกาเหนือ, ญี่ปุ่นและจีน ในนั้นรวมถึงรถยนต์ไฮบริด
(ที่มา:อัลจาซีราห์)