xs
xsm
sm
md
lg

PLANET#3 เล่ากันว่า ‘ดัชเชสเมแกน’เคยพูด: เราอยู่ห่างบัลลังก์แค่หนึ่งไฟล์มรณะ คำลือนี้มากระหึ่มลั่นในปัจจุบัน ที่ปรินซ์จอร์จต้องแยกเที่ยวบินกับพระบิดา เผื่อเครื่องตก ตายยกลำ!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ใครๆ ก็ทราบ พระราชคิวสู่พระราชบังลังก์อังกฤษระดับท็อป 4 เป็นของพระครอบครัวเวลส์ จากองค์รัชทายาท#1เจ้าฟ้าชายวิลเลียม #2เจ้าชายจอร์จ จรดจน #4เจ้าชายหลุยส์ ในขณะเดียวกันสาธารณชนมากมายกังวลใจกับข้อเท็จจริงที่ว่า รัชทายาท#5 เป็นโควตาของเจ้าชายแฮร์รี พระสวามีของดัชเชสเมแกน มาร์เคิล ผู้อื้อฉาวและผู้ที่ถูกเล่าลือว่า  ***  คำพูดของเธอเคยถูกอัดเทปไว้: “เราอยู่ห่างจากพระราชบัลลังก์เพียงแค่หนึ่งไฟล์ทมรณะเท่านั้น”!!  ***  ประโยคบาดใจพสกนิกรเมืองผู้ดีดังกล่าวนี้เกี่ยวพันโดยตรงกับรายงานข่าวเกี่ยวกับคำตรัสเตือนของควีนเอลิซาเบธที่ 2 ที่ทรงอยากให้ปรินซ์วิลเลียมเดินทางแยกไฟล์ทกับปรินซ์จอร์จ ด้วยเหตุผลที่บอกตรงๆ กันได้เลย กล่าวคือ พระครอบครัวเวลส์ทรงใช้เที่ยวบินเดียวกันทั้ง 5 พระองค์เสมอ ดังนั้น หากมีอุบัติเหตุร้ายแรงขั้นสุดเกิดขึ้น ก็จะหมายถึงว่า  ***  สถานการณ์เปิดทางให้รัชทายาทลำดับที่ 5 พร้อมพระชายา ทะยานขึ้นเป็นคิงและควีนแห่งสหราชอาณาจักรโดยทันที  ***  แม้เรื่องนี้มีโอกาสเกิดขึ้นเพียงน้อยนิด แต่ก็มิใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย ดังนั้นในเมื่อปรินซ์จอร์จทรงมีพระชนมายุครบ 12 พรรษา พระชนม์ชีพของพระองค์ในเฟสใหม่ถูกกำหนดโดยกฎมณเฑียรบาลว่ารัชทายาทลำดับที่ 1 จะต้องเดินทางแยกต่างหากจากรัชทายาทลำดับที่ 2 แล้วดังนั้น แนวปฏิบัติที่พระครอบครัวเวลส์ดำเนินมาโดยตลอด (คือ การเสด็จพระดำเนินด้วยกันอย่างพร้อมหน้า ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน หรือเฮลิคอปเตอร์ หรือรถยนต์) จะเปลี่ยนแปลงไหม  ***  เหล่ากูรูจึงพากันวิเคราะห์ คาดการณ์ และรอดูการตัดสินพระทัยของเจ้าฟ้าชายวิลเลียมว่าจะทรงโปรดให้มีการปรับเปลี่ยนตามกฎเหล็กแห่งราชสำนักหรือไม่  ***  ยิ่งกว่านั้น เฉพาะในส่วนของปรินซ์จอร์จ กูรูสำนักต่างๆ พากันชี้ประเด็นว่าปรินซ์จอร์จผู้ทรงสนิทแน่นแฟ้นกับพระบิดา ทรงมีพระบุคลิกใหม่ตั้งแต่ที่ทรงเข้าสู่วัย 11 พรรษา โดยมักที่จะปรากฏพระองค์ในพระอิริยาบถเคร่งขรึมหรือดำดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด  ***  แน่นอนว่าเป็นธรรมดาที่พระองค์จะต้องใคร่ครวญกับความเปลี่ยนแปลงหลายประการ และทุกคนก็รออยู่ว่า บนทางแพร่งที่จะต้องเผชิญ  ***  ทั้งปมเกี่ยวกับการเดินทางแยกเที่ยวบินกับพระบิดา ไปจนถึงปมใหม่ในปี 2026 ที่จะต้องเข้าสู่การศึกษาระดับมัธยม ซึ่งพระราชวงศ์มีประเพณีที่ปรินซ์ผู้ทรงเป็น “ว่าที่คิง” จะต้องออกจากพระตำหนัก เพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำ  ***  ปรินซ์จะตัดสินพระทัยในส่วนของพระองค์อย่างไร
เป่าเทียนวันเกิด ตัดขนมเค้ก แกะห่อของขวัญ คือเรื่องราวเปี่ยมสุขในวันครบเบิร์ธเดย์ของเด็ก 12 ปีทั่วไป แต่สำหรับ “ปรินซ์จอร์จแห่งเวลส์” องค์รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังก์อังกฤษนั้น หลักไมล์อายุ 12 พรรษา นับแต่เมื่ออังคารที่ 22 กรกฎาคม 2025 หมายถึงความเปลี่ยนแปลงต่อพระองค์กับพระบิดาวิลเลียมโดยตรง ซึ่งเป็นไปตามไฟต์บังคับแห่งชีวิตที่พระองค์ทรงประสูติมาเป็นว่าที่พระมหากษัตริย์

แม้ว่าในวันนี้ ปรินซ์จอร์จ รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังก์ (ตามสถานภาพพระโอรสองค์โตของเจ้าฟ้าชายวิลเลียม) ยังทรงมีโฟกัสสำคัญอยู่ที่การศึกษาเล่าเรียน และการสนุกกับกีฬา โดยที่บทบาทในฐานะกษัตริย์ยังดูว่าห่างไกล แต่ในทางปฏิบัติ พระอังสาทั้งบ่าและไหล่ของเด็กชายวัยไม่ถึงทีนเอจ ก็เริ่มรับทราบถึงน้ำหนักแห่งภารกิจพระมหากษัตริย์แล้ว ดิเอ็กซ์เพรส สื่อชั้นแนวหน้าของอังกฤษ ฟันธงไว้อย่างนั้น

ดังจะเห็นสัญญาณชี้บ่งที่ปรากฏในพระอิริยาบถได้ชัดเจน และบรรดาผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ก็ไม่ยอมพลาดที่จะชี้ให้สาธารณชนสังเกต อาทิ การวิเคราะห์ของกูรู “เจนนี บอนด์” อดีตผู้สื่อข่าวบีบีซี ในสายข่าวสำนักพระราชวังซึ่งกล่าวไว้กับ เดอะมิร์เรอร์ โดยย่อดังนี้

ในห้วงซึ่งปรินซ์จอร์จทรงย่างเข้าสู่พระชนมายุ 12 พรรษา พระองค์ทรงมีความเปลี่ยนแปลงรออยู่ 2 เด้ง ได้แก่

1.นับจากพระเบิร์ตเดย์เมื่อ 22 กรกฎาคม 2025 ปรินซ์จอร์จผู้เป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 จะต้องเดินทางแยกไฟล์ทกับพระบิดา ซึ่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 นี่คือข้อกำหนดตามกฎมณเฑียรบาลต่อปรินซ์ ‘ว่าที่พระมหากษัตริย์’ ซึ่งมีพระชนมายุครบ 12 พรรษานั่นเอง

2.ในฤดูใบไม้ร่วงปีหน้า 2026 ซึ่งพระองค์จะจบการศึกษาระดับประถม และต้องก้าวเข้าศึกษาระดับมัธยมนั้น พระองค์อาจจะต้องเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำตามพระราชประเพณี เพื่อถูกเตรียมวินัยและเตรียมความพร้อม เฉกเช่นเดียวกันที่พระบิดาวิลเลียมและพระอัยกาเจ้าชาร์ลส์ ทรงผ่านมาก่อนแล้ว

โดยเดอะมิร์เรอร์ชี้ว่าการที่จะต้องพลัดพรากจากบ้าน ไปเป็นนักเรียนประจำ ที่แท้ก็คือ ‘ความเป็นจริงของชะตาชีวิตเริ่มเข้าไปกระทบพระองค์อย่างจัง’

“พระองค์มักจะค่อนข้างเคร่งขรึมในขณะทรงพระดำเนินในขบวนพระราชยานรถม้าพระที่นั่ง ขณะที่ปรินเซสชาร์ลอตต์ทรงสงบสุภาพเรียบร้อย ปรินซ์หลุยส์ทรงซุกซน ส่วนสำหรับปรินซ์จอร์จนั้น มีหลายๆ ครั้งที่ทรงดำดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด แต่ใครจะไปคอมเมนต์อะไรได้ นี่เป็นสถานการณ์พิเศษ โดยคุณทราบอยู่เต็มอกว่า ในวันหนึ่ง คุณจะต้องรับบทบาทที่ยิ่งใหญ่ และตอนนี้คุณจึงคอยเฝ้ามองสิ่งที่สมเด็จพระอัยกาเจ้าทรงแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง” กูรูเจนนี บอนด์ ตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น

เจ้าชายจอร์จแลเสมือนหนุ่มวัย 20-30 ปี ขณะเสด็จพระดำเนินด้วยพระราชยานรถม้าพระที่นั่ง เพื่อเข้าสู่พระราชพิธี Trooping The Colour 2025 เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 เมื่อวันเสาร์ที่ 14 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยพรั่งพร้อมตั้งแต่เจ้าหญิงแคเธอริน พระมารดา ซึ่งประทับนั่งตรงข้ามกับปรินซ์จอร์จ และเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ พระกนิษฐา ซึ่งประทับข้างพระมารดา ตลอดจนปรินซ์หลุยส์ ซึ่งอยู่ข้างๆ กับพระเชษฐาจอร์จ ในการนี้ ปรินซ์จอร์จ ซึ่งมีพระชนมายุจวนเจียนจะ 12 พรรษาบริบูรณ์ในอีก 5 สัปดาห์ข้างหน้า ทรงอยู่ในพระอิริยาบถเคร่งขรึม และมีหลายๆ ครั้งที่ทรงดำดิ่งอยู่ในความครุ่นคิด เจนนี บอนด์ ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ ตั้งข้อสังเกตไว้อย่างนั้น

พระรูปแห่ง 3 พระมหากษัตริย์ ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 กษัตริย์ผู้ครองพระราชบัลลังก์ ปรินซ์วิลเลียม ว่าที่คิงในลำดับที่ 1 และปรินซ์จอร์จ ว่าที่คิงในลำดับที่ 2 ได้รับการบันทึกไว้ในวันแห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อเดือนมิถุนายน 2023  ทั้งนี้ ในศักราชดังกล่าว ปรินซ์จอร์จยังมีพระชนมายุย่างเข้า 9 พรรษา และพระพักตร์ยังมากมายด้วยรอยแย้มพระสรวล และพระออร่ายังแจ่มจรัสด้วยความร่าเริงสดใสสมกับพระชนมายุ
ที่ผ่านมาในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ปรินซ์จอร์จทรงได้เข้าร่วมพระราชกรณียกิจสำคัญครบทั้งสองแมตช์ คือ พระราชอีเวนต์เฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ในเดือนมิถุนายน ที่เป็นมาทุกปีดั่งเดิม และที่เพิ่มเติมคือการเสด็จเข้าร่วมงาน Tea Party อันเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีครบรอบ 80 ปีแห่ง Victory of Europe Day

โดยในเดือนพฤษภาคม ปรินซ์จอร์จได้ทรงงานพระราชกรณียกิจที่สำคัญอย่างเต็มที่ คืองานรำลึก 80 ปีแห่งชัยชนะเหนือฝ่ายรุกราน (นาซีเยอรมัน) ที่นำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ของทวีปยุโรป หรือก็คือ วัน VE Day

ในงานใหญ่ประจำปีดังกล่าว เดลิเมลออนไลน์รายงานว่า ปรินซ์จอร์จทรงเข้าร่วมแบบที่เป็นเซอร์ไพรส์พิเศษในงานพระราชทานเลี้ยงน้ำชาแก่ทหารผ่านศึกและครอบครัว เพราะแต่เดิมจะถือว่าปรินซ์จอร์จยังทรงพระเยาว์ แต่ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นแบบไม่ประกาศล่วงหน้านี้ เป็นไปโดยสอดคล้องกับการที่ปรินซ์ทรงเจริญพระชนมายุขึ้นมาใกล้วัยทีนเอจแล้ว

ในการนี้ ปรินซ์จอร์จซึ่งเจริญวัยสูงมากกว่า 160 ซม.แล้ว ทรงปรากฏพระองค์ในชุดสูทผูกเน็กไทสีน้ำเงิน พระองค์ทรงยิ้มแย้มแจ่มใส ขณะถ่ายพระรูปและสนทนากับคุณปู่คุณตาทหารผ่านศึกทั้งปวง และทรงเฝ้าชมการสวนสนาม ก่อนจะตามเสด็จสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์เสด็จออกสีหบัญชรพระราชวังบัคกิงแฮม เพื่อชมการแสดงของฝูงบินผาดโให้พสกนิกรที่รอเข้าเฝ้า ได้ชื่นชมพระบารมี

การสนทนากับทหารผ่านศึกเป็นความก้าวหน้าสำคัญในเส้นทางแห่งสมาชิกพระราชวงศ์ ในโอกาสดังกล่าว ปรินซ์จอร์จทรงมีพระอิริยาบถสุภาพ ทรงซักถามบรรดาวีรบุรุษสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าได้ดำเนินภารกิจอะไรบ้าง ได้พบเห็นสิ่งใดบ้าง พร้อมกันนั้น ก็ทรงใส่ใจฟังเรื่องราวที่ทหารผ่านศึกเล่าถวาย โดยมีพระมารดาแคเธอรินคอยช่วยสนับสนุน

ในการเสด็จเข้าร่วมพระราชกรณียกิจครั้งนี้ ปรินซ์จอร์จทรงได้รับเสียงชื่นชมแซ่ซ้องจากสาธารณชน โดยผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อย่าง ริชาร์ด ฟิตซ์วิลเลียมส์ คอนเฟิร์มดีงามไว้กับทีมข่าวฟีเมล FEMAIL ของเดลิเมลออนไลน์ว่า ปรินซ์ทรงเข้าร่วมแบบที่ไม่มีใครคาดคิด แต่ต้องยอมรับว่าทรงมาในช่วงที่เหมาะสมกับจังหวะของพระชนม์ชีพ และแน่ใจได้เลยว่าจะมีอย่างนี้อีกในหลายๆ พระราชอีเวนต์ เพราะในครั้งนี้ทรงประสบความสำเร็จใหญ่หลวงจริงๆ

ต่อมาในเดือนมิถุนายน ปรินซ์จอร์จเสด็จออกในพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อันเป็นพระราชประเพณี Trooping the Colour ทรงเข้าร่วมในขบวนพระราชยานรถม้าพระที่นั่ง และภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนมักที่จะเป็นพระรูปซึ่งปรินซ์รัชทายาทลำดับที่ 2 ทรงมีพระออร่าเคร่งขรึม ซึ่งส่งให้ปรินซ์จอร์จทรงดูเป็นผู้ใหญ่เกินพระชนม์ชีพแท้จริงมากกว่าหนึ่งทศวรรษกันเลยทีเดียว

ปรินซ์จอร์จทรงใส่พระทัยซักถามและฟังทหารผ่านศึกผู้ชราเล่าถึงการศึกรบต่อสู้กับประเทศผู้รุกรานแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ณ พระราชอีเวนต์ Tea Party ซึ่งคิงชาร์ลส์ทรงจัดเป็นเกียรติแก่ทหารผ่านศึก ในฐานะส่วนหนึ่งของงานรำลึก 80 ปีแห่งชัยชนะเหนือฝ่ายรุกรานที่นำไปสู่การสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ของทวีปยุโรป หรือก็คือ วัน Victory of Europe Day

เมื่อเสร็จสิ้นทุกกิจกรรมแห่งวันทหารผ่านศึกและการฉลองชัยชนะแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 สมาชิกพระราชวงศ์ที่ทรงงานสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ พากันตามเสด็จพระองค์ออกสีหบัญชร พระราชวังบัคกิงแฮม เพื่อทักทายพสกนิกรหลายหมื่นรายที่รอเข้าเฝ้าเปล่งร้องถวายพระพร และชมการแสดงผาดโผนทางอากาศของฝูงบินแห่งกองทัพอากาศอาร์เอเอฟ โดยปรินซ์จอร์จกับพระครอบครัวเวลส์ทรงเกาะกลุ่มทางด้านซ้ายของสมเด็จพระราชินีคามิลลา ทั้งนี้ พระอิริยาบถของปรินซ์จอร์จ ณ 11 พรรษา10 เดือน อยู่ในความสำรวมโดยตลอด  สองพระหัตถ์ประสานสงบสุภาพแบบเดียวกับพระบิดา ไม่มีหลุดเลยไม่ว่าจะขยับสู่พระอิริยาบถใดๆ ไม่ว่าจะทรงสนทนากับพระราชินีคามิลลา หรือจะทรงสนทนากับพระมารดาแคเธอริน หรือจะทรงชมการแสดงบนเวิ้งฟ้า เรียกว่าทรงนิ่ง และสุดๆ ที่จะคูล

ช่วงเวลาที่ปรินซ์จอร์จทรงดูซีเรียสเครียดขรึมและครุ่นคิดมากกว่าวันอื่นๆ ที่ทรงเสด็จออกสู่สายตาของสาธารณชน คือ วันที่ชมการแข่งขันเทนนิสวิมเบิลดัน 2025 ประเภทชายเดี่ยว ซึ่งการ์ลอส อัลคาราซ ต้องป้องกันแชมป์ ในการพบกับ ยานนิก ซินเนอร์จากอิตาลี แต่ในที่สุด ซินเนอร์เป็นฝ่ายชนะ อัลคาราช ผู้ซึ่งเป็นขวัญใจของปรินซ์จอร์จและพระครอบครัวเวลส์

ครั้นกลับไปดูพระอิริยาบถของปรินซ์จอร์จเมื่อ 9 พรรษาในปี 2023 พระองค์ทรงสนุกกับพระสหายอย่างกระฉับกระเฉง โดยพระรูปนี้บันทึกไว้เมื่อวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษก และปรินซ์จอร์จ (ฉลองพระองค์สีแดงและประทับยืนตรงกลางกลุ่ม) ทรงเป็นหนึ่งในสี่มหาดเล็กเฉลิมพระเกียรติ ที่ถวายงานรับใช้สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ในฐานะผู้ติดตามถือชายเสื้อคลุมขนเออร์มีนแห่งพระมหากษัตริย์ ดังนั้นเมื่อคณะมหาดเล็กฯ ติดตามสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์มาปฏิบัติหน้าที่บนสีหบัญชร พระราชวังบัคกิงแฮม เจ้าชายจอร์จจึงประทานคำแนะนำพร้อมชี้ชวนดูสิ่งต่างๆ ด้านช่างภาพก็ได้สนุกกับการบันทึกภาพของพระองค์ในพระอิริยาบถฉับไว กระตือรือร้น มีชีวิตชีวา ซึ่งประชาชนไม่ค่อยได้เห็น อนึ่ง มหาดเล็กเฉลิมพระเกียรติทางด้านซ้าย ชื่อ ราล์ฟ โทลมาช หลานปู่ของบารอนโทลมาชที่ 5 ซึ่งเป็นพระสหายของคิงชาร์ลส์ และมหาดเล็กเฉลิมพระเกียรติทางด้านขวา ชื่อ ลอร์ดโอลิเวอร์ ชมลีย์ บุตรของมาร์ควิสแห่งชมลีย์ ซึ่งเป็นพระสหายสนิทของปรินซ์วิลเลียม
ปรินซ์จอร์จต้องเจอสิ่งใหม่ไม่ค่อยโอ: นับจากนี้ ทรงเดินทางไฟล์ทเดียวกับพระบิดามิได้แล้ว ผู้คนยี้ไม่เห็นด้วย แต่กูรูเตือน: ราชวงศ์สาย “ปรินซ์แฮร์รีกับเมแกน” จ่อคิวสู่ราชบัลลังก์อยู่นะ

ณ พระชนมายุ 12 พรรษา ปรินซ์จอร์จทรงปรากฏพระองค์ในพระอิริยาบถเคร่งขรึมและครุ่นคิดต่างๆ บ่อยๆ ซึ่งก็น่าเห็นใจ เพราะพระไลฟ์สไตล์ที่เคยง่ายดาย สบายๆ กลับจะต้องซับซ้อนมากขึ้นตามกฎมณเฑียรบาล

ทั้งนี้ พระเบิร์ธเดย์เมื่อ 22 กรกฎาคม 2025 เป็นหลักไมล์อายุที่องค์รัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังก์อังกฤษ ถูกกำหนดโดยกฎมณเฑียรบาลอันเก่าแก่ว่า องค์รัชทายาทลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 จะต้องไม่เดินทางไปในพระราชกรณียกิจด้วยกัน

หรือก็คือ ปรินซ์จอร์จจะไม่ได้ขึ้นเครื่องบินไฟล์ทเดียวกันกับพระบิดาวิลเลียม เพื่อเดินทางไปในพระราชกรณียกิจต่างๆ ปมประเด็นนี้ กูรูผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ต่างทราบดีว่า เป็นเรื่องปวดพระทัยทีเดียวสำหรับ “พ่อ-ลูก”คู่บัดดี้สองพระองค์แห่งพระราชวงศ์วินด์เซอร์

ที่มาที่ไปของแนวปฏิบัติสำคัญข้อนี้ เป็นกฎเหล็กแห่งพระราชประเพณี ที่มุ่งหมายจะสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้แก่สถาบันพระมหากษัตริย์ เดลิเมลออนไลน์รายงานไว้อย่างนั้น

กล่าวคือ หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงกับพระองค์หนึ่ง ก็ยังมีอีกหนึ่งพระองค์คอยสืบทอดพระราชบัลลังก์ โดยในรอบกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา นี่เป็นแนวปฏิบัติที่เสด็จพระบิดาของปรินซ์จอร์จทรงปฏิบัติตาม อีกทั้งสมเด็จพระอัยกาชาร์ลส์ก็ทรงปฏิบัติตามในห้วงที่ยังทรงดำรงพระอิสริยยศแห่งปรินซ์ออฟเวลส์


“คือต้องทำให้มั่นใจได้ถึงความต่อเนื่องของสถาบันพระมหากษัตริย์ครับ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ เมื่อครั้งที่ยังเป็นปรินซ์ออฟเวลส์ พระองค์กับเจ้าชายวิลเลียมไม่เคยเดินทางด้วยเที่ยวบินเดียวกันเลย ทำนองเดียวกันนี้ล่ะครับในเมื่อเจ้าชายจอร์จ ซึ่งทรงเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 ของพระราชบัลลังก์อังกฤษ ทรงมีพระชนมายุครบ 12 พรรษาเมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม กฎมณเฑียรบาลประการนี้ก็จะนำมาบังคับใช้กับพระองค์และพระบิดา แต่ไม่บังคับใช้กับเจ้าหญิงชาร์ลอตต์หรือเจ้าชายหลุยส์นะครับ” ริชาร์ด ฟิตซ์วิลเลียมส์ ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ ให้ข้อมูลไว้กับเดลิเมลออนไลน์

“เจ้าชายจอร์จสามารถเดินทางไปด้วยกันกับพระกนิษฐาและพระอนุชาครับ ส่วนพระบิดาก็ใช้อีกเที่ยวบินหนึ่ง โดยอาจจะเป็นการเดินทางโซโล เดี่ยวๆ พระองค์เดียวก็ได้” กูรูฟิตซ์วิลเลียมส์ขยายความเพิ่มไว้อย่างนั้น

พร้อมทั้งยังมีเกร็ดพระราชวงศ์นำมาเล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาในห้วงที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ยังทรงมีพระชนม์ชีพ และสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ ยังทรงเป็นปรินซ์ออฟเวลส์ ทรงตรัสกล่าวด้วยความเป็นห่วงต่อแนวปฏิบัติที่พระครอบครัวของเจ้าชายวิลเลียมทรงเดินทางด้วยเที่ยวบินเดียวกันทุกครั้งครา

“ปมตรงนี้มิใช่แค่เรื่องที่ทั้งห้าพระองค์ทรงเดินทางไปในเที่ยวบินเดียวกันเท่านั้น หากแต่ยังมีปมที่ว่าปรินซ์วิลเลียมทรงเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์มีใบอนุญาต และยังทรงขับเฮลิคอปเตอร์ด้วยพระองค์เอง

“ตามที่โรเบิร์ต จอบสัน เล่าไว้ในหนังสือน่ะครับ สมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ทรงไม่โอเคเลยที่เจ้าฟ้าชายวิลเลียมทรงขับเฮลิคอปเตอร์พาพระครอบครัวไปที่โน่นที่นี่ พระองค์ทรงขอร้องให้พระราชโอรสยุติ

“และเรื่องนี้เป็นอะไรที่ควีนเอลิซาเบธทรงตรัสเป็นห่วงเป็นใยด้วยครับ เพราะในส่วนของพระองค์เอง ควีนทรงระมัดระวังเสมอเลยว่า จะต้องเดินทางแยกไฟล์ทกับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ผู้ทรงเป็นองค์รัชทายาทพระองค์หลัก นี่เป็นเรื่องสำคัญน่ะครับ ผมต้องบอกอย่างนี้”


ผู้เชี่ยวชาญฟิตซ์วิลเลียมส์กล่าวไว้กับเดลิเมลออนไลน์อย่างนั้น พร้อมให้ข้อมูลเกร็ดประวัติศาสตร์สำคัญเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมทางการบินร้ายแรงในศตวรรษที่ 20 ที่ส่งผลให้สมาชิกแห่งพระราชวงศ์วินด์เซอร์เสียชีวิตหลายพระองค์ และส่งผลให้ควีนเอลิซาเบธทรงปฏิบัติตามกฎมณเฑียรบาลนี้อย่างจริงจัง

“เรื่องที่ไม่คาดคิดนั้น สามารถเกิดขึ้นได้น่ะครับ เช่น กรณีเครื่องบินที่ปรินซ์พระญาติสนิทมากของควีนเอลิซาเบธ คือ ปรินซ์วิลเลียมแห่งกลอสเตอร์ ขับด้วยพระองค์เอง เกิดจะโหม่งพสุธาอย่างเหลือเชื่อไปในปี 1972 ทั้งๆ ที่เป็นการบินแข่งขันทั่วไป

“ก่อนหน้านั้น ในปี 1942 เป็นกรณีเครื่องบินตกที่สกอตแลนด์ โดยปรินซ์จอร์จ ดยุกแห่งเคนท์ ทรงเป็นผู้โดยสาร และทรงสิ้นพระชนม์ พร้อมผู้โดยสารอื่นๆ 11 ราย

“และเมื่อย้อนหลังขึ้นไปเพียง 5 ปี คือในปี 1937 ปรินเซสเซซีลีแห่งกรีซและเดนมาร์ก พระภคินีของปรินซ์ฟิลิป (ซึ่งหลังจากนั้น 10 ปี ปรินซ์ทรงอภิเษกสมรสเป็นพระราชสวามีแห่งควีนเอลิซาเบธที่ 2) ก็สิ้นชีพิตักษัยเพราะเครื่องบินตกและเกิดเพลิงเผาผลาญวอดทั้งลำ ระหว่างที่เดินทางด้วยเครื่องบินพาณิชย์เหมาลำขนาดเล็กจากนครแฟรงก์เฟิร์ตไปยังกรุงลอนดอน”

ผู้เชี่ยวชาญฟิตซ์วิลเลียมส์เล่าเกร็ดประวัติศาสตร์พระราชวงศ์ไว้อย่างละเอียด และยังเล่าถึงแนวปฏิบัติของทางฝั่งสหรัฐอเมริกาว่า เป็นในทำนองเดียวกัน คือประธานาธิบดีกับรองประธานาธิบดีจะต้องไม่เดินทางไปในเที่ยวบินเดียวกัน

ณ ประเทศแคนาดา 24 กันยายน 2016 เจ้าชายจอร์จและเจ้าหญิงชาร์ลอตต์ทรงได้ตามเสด็จพระบิดาและพระมารดา ไปทรงงานพระราชกรณียกิจผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ในการเสด็จเยี่ยมแคนาดาอย่างเป็นทางการ พระทริปนี้มิใช่พระทริปทรงงานครั้งแรกของเจ้าชายรัชทายาทลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังก์อังกฤษ แต่ในทริป มีมุมน่ารักน่ากอดเกี่ยวกับปรินซ์จอร์จกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด (2015-2025 ด้วยวัย 43 ปีในขณะนั้น) กล่าวคือ ในพระรูปนี้ (ภาพบน) ที่บันทึกกัน ณ ท่าอากาศยานนานาชาติวิกทอเรีย นายกฯ ทรูโด ซึ่งรอถวายการต้อนรับที่สนามบิน ได้ย่อเข่าลงจะขอเล่นไฮไฟฟ์กับปรินซ์จอร์จ แต่ปรินซ์ทรงส่ายพระพักตร์ เอนพระกายหนี อนึ่ง นับแต่นี้ไป กฎมณเฑียรบาลกำหนดว่าปรินซ์จอร์จกับพระบิดาวิลเลียมจะไม่สามารถเดินทางไปทรงงานด้วยเที่ยวบินเดียวกันได้ กระนั้นก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์วิเคราะห์บรรยากาศแล้ว พากันทำนายว่าพระครอบครัวเวลส์ จะทรงเฉยๆ กับกฎเหล็กข้อนี้ แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่า จะทรงเฉยๆ จนกว่าพระโอรสจะทรงพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง
ในด้านของปรินซ์จอร์จ ที่จะต้องเผชิญกับการบังคับใช้กฎข้อนี้ นี่เป็นความเปลี่ยนแปลงที่กระทบต่อพระองค์ตรง ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าปรินซ์จอร์จทรงใกล้ชิดแนบแน่นกับพระบิดาวิลเลียมมาตลอด 12 ปีแห่งพระชนม์ชีพ

ในการนี้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งปวงพากันทำนายว่า พระบิดาวิลเลียมและพระมารดาแคเธอรินอาจจะไม่ปฏิบัติตาม!!

โดยรายการเมาท์ข่าวความเคลื่อนไหวในพระราชวัง “Palace Confidential” ซึ่งเผยแพร่ให้ชมฟรีทางยูทูป มีเอพิโซด ณ พฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม 2025 ที่พูดคุยกันในปมนี้อย่างละเอียด ดังนี้

“น่าติดตามอย่างยิ่งครับว่า ปรินซ์จอร์จกับปรินซ์วิลเลียมจะอย่างไร เพราะเราต่างทราบกันดีว่าทั้งสองพระองค์ทรงเดินทางด้วยกันตลอด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ หรือรถยนต์” บรรณาธิการโต๊ะปฏิทินข่าว ริชาร์ด อีเดน แห่งเดลิเมลออนไลน์ เปิดเรื่องขึ้นมา

“ในส่วนของดิฉัน ดิฉันเพิ่งได้คุยกับบางท่านในสำนักพระราชวังค่ะ พวกเขาพูดประมาณว่า อืมม์ นี่ก็เป็นข่าวที่เราได้ทราบมา เมื่อได้ฟังแล้ว ดิฉันรู้สึกว่าพระครอบครัวเวลส์คงจะไม่เปลี่ยนแปลงแนวปฏิบัติเรื่องการเดินทางใดๆ ทั้งสิ้นล่ะค่ะ” บรรณาธิการข่าวในพระราชสำนักให้ความเห็นเช่นกัน

และแล้วบ.ก.ริชาร์ด อีเดน ก็ดึงให้ท่านผู้ชมหันไปพิจารณาความเสี่ยงอันสำคัญยิ่งยวดว่า

“ครับผม พระราชสำนักเคนซิงตันไม่ค่อยพูดถึงการจัดการด้านความปลอดภัย อีกทั้งไม่ค่อยพูดถึงการตระเตรียมด้านการเดินทาง แต่ผมต้องขอแตะไปถึงผลกระทบที่เกี่ยวข้อง คือ ผมทราบนะครับว่าสิ่งที่ผมจะหยิบยกขึ้นมานี้เป็นประเด็นที่ไม่งดงามที่จะกล่าวถึง แต่มันเป็นเรื่องของอนาคตแห่งพระราชตระกูลที่น่าเป็นห่วงทีเดียว คืออย่างนี้ครับ ลำดับแห่งองค์รัชทายาทน่ะครับ ถัดจากพระราชวงศ์สายเวลส์แล้ว เราต้องเจอกับสายซัสเซกซ์ของปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกน

“คือผมแน่ใจว่านี่น่าจะไม่ใช่เรื่องจริง แต่เราก็ต้องไม่ลืมข่าวลือที่เคยสะพัดมากมายว่า ดัชเชสเมแกนเคยพูดบางสิ่งประมาณว่า ‘เราอยู่ห่างจากการได้ครองพระราชบัลลังก์แค่หนึ่งเอื้อม คือหนึ่งเครื่องบินตกเท่านั้น’

“ผมแน่ใจนะครับว่าดัชเชสไม่ได้พูดอย่างนั้น เพราะมันเป็นคอมเมนต์ที่ไม่งดงาม แต่ความจริงที่มีอยู่จริงๆ คือ ปรินซ์แฮร์รีกับดัชเชสเมแกนมีโอกาสเอื้อมถึงพระราชบัลลังก์ได้ และนั่นเป็นอะไรที่ผมต้องขอบอกว่า มันจะเป็นภัยคุกคามต่ออนาคตของสถาบันพระมหากษัตริย์อังกฤษน่ะครับ”


หลังจากนั้น บ.ก.ริชาร์ด อีเดน ส่งคำอ้อนวอนถึงพระราชวงศ์สายเวลส์ว่า

“ได้โปรดเถิดครับ แม้ว่านี่จะไม่ดีต่อสิ่งแวดล้อม แต่ขอความกรุณาให้ปรินซ์จอร์จทรงเดินทางแยกไฟล์ทและแยกเฮลิคอปเตอร์กับพระบิดานะครับ”

มันเป็นธรรมดาที่ความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ จะต้องกระทบความรู้สึกนึกคิดและจิตใจของปรินซ์จอร์จ และเป็นอะไรที่ต้องจับตาว่าจะส่งผลใดๆ ขึ้นมาบ้าง กระนั้นก็ตาม แม้ปมอันน่าปวดพระทัยนี้สามารถมีผลเชิงจิตวิทยา แต่ก็อาจจะไม่สร้างความกังวลพระทัยมากเท่ากับความเปลี่ยนแปลงในด้านสถานศึกษา เพราะพระองค์ทรงจะต้องย้ายโรงเรียนไปสู่ระดับมัธยมศึกษา ซึ่งอาจจะต้องเข้าโรงเรียนประจำ ปมน่าหนักพระทัยนี้จะอุบัติขึ้นในฤดูใบไม้ผลิของปี 2026

ในเดือนมิถุนายน 2021 เลดี้คอลิน แคมป์เบลล์ ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ กล่าวในคลิปรายการคุยข่าวราชวงศ์ เผยแพร่ทางช่องยูทูปของเธอดังนี้ “มีบางท่านเล่าให้ดิฉันทราบเมื่อไม่นานมานี้ว่า ได้ยินมากับหูเลย เมแกน มาร์เคิลพูดว่า เราอยู่ห่างจากการได้ครองพระราชบัลลังก์แค่หนึ่งเอื้อม คือหนึ่งเครื่องบินตกเท่านั้น ซึ่งก็คือว่าปรินซ์แฮร์รีกับตัวเธอผู้เป็นพระชายาจะได้ครอบครองพระราชบัลลังก์ ขอแค่มีอุบัติเหตุเครื่องบินที่พระครอบครัวเวลส์ใช้เดินทางโหม่งพสุธาเพียงหนึ่งหน รัชทายาทลำดับที่ 1-4 ก็จะไม่อยู่ขวางหนทางของปรินซ์แฮร์รี ผู้เป็นรัชทายาทลำดับที่ 5 เพราะพระครอบครัวเวลส์มักที่จะเดินทางไปในเที่ยวบินเดียวกันแบบพร้อมหน้า หลังจากนั้น เรื่องนี้สะพัดเป็นข่าวลือไปทั่ว และนักวิเคราะห์ข่าวมักที่จะชี้ว่าในเมื่อพระครอบครัวเวลส์ทรงมิได้เดินทางแบบแยกไฟล์ท ประโยคสำคัญในข่าวลือนี้ก็ย่อมมีโอกาสจะเป็นจริง

พระบุคลิกภาพของปรินซ์จอร์จ จากปี 2022 สู่ปี 2023 สู่ปี 2025 มีความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน

ในวันพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษาแห่งคิงชาร์ลส์เมื่อ 14 มิถุนายน 2025 ปรินซ์จอร์จทรงยิ่งเคร่งขรึมกว่าทุกครั้ง
“อาจต้องละทิ้งพระตำหนักอบอุ่น เพื่อเข้าศึกษาในโรงเรียนประจำระดับมัธยม” คือความเปลี่ยนแปลงแห่งพระชนม์ชีพที่ไม่ค่อยจะโอ ซึ่งน่าจะทำให้ปรินซ์จอร์จทรงครุ่นคิดพระทัยระทม

พสกนิกรแฟนคลับแห่งพระราชสำนักเคนซิงตัน ตลอดจนบรรดาผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์ ต่างตระหนักดีว่า พระบิดาวิลเลียมและพระมารดาแคเธอรินอยู่ระหว่างการตัดสินพระทัยที่จะเลือกเส้นทางอนาคตให้แก่พระโอรสจอร์จ

โดยในช่วงที่ผ่านมา มีรายงานออกมาจากหลายค่ายยักษ์สื่อมวลชน รวมถึงเว็บไซต์ข่าวมารี แคลร์ ที่นำเสนอว่า เจ้าชายจอร์จอาจเป็นว่าที่กษัตริย์พระองค์แรก ที่แหวกพระราชประเพณีที่เคยปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน อันได้แก่ การที่จะไม่เข้าศึกษาระดับมัธยมในโรงเรียนประจำ สถานที่แห่งประวัติศาสตร์กระซิบซึ่งมากมายด้วยเรื่องราวเล่าลือในทางร้ายกาจ

อาทิ เกร็ดประวัติที่ว่าสมเด็จพระอัยกาเจ้าเมื่อครั้งยังเป็นรัชทายาทลำดับที่ 1 ทรงถูกนักเรียนรุ่นพี่รุมรังแกไว้มากมาย ขณะศึกษาอยู่ในโรงเรียนกอร์ดอนสตัน Gordonstoun School โรงเรียนประจำสำหรับบรรดาเจ้านายแห่งพระราชวงศ์ทั้งปวง รวมถึงการดอดเข้าไปชกต่อยพระองค์ขณะทรงบรรทมหลับ

สื่อมวลชนน้อยใหญ่มากมายนำเสนอรายงานว่าปรินซ์วิลเลียมและปรินเซสเคท ยังทรงถกกันไม่แล้วเสร็จว่า จะส่งพระโอรสจอร์จเข้าเรียนชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนใด ระหว่างหลายๆ ตัวเลือกยอดเยี่ยม อาทิ

= อีตัน คอลเลจ สถานศึกษาเดิมของปรินซ์วิลเลียม ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำใกล้พระราชฐานวินด์เซอร์

= มาร์ลโบโร คอลเลจ สถานศึกษาเดิมของปรินเซสเคท ซึ่งห่างจากพระราชฐานวินด์เซอร์ 1-2 ชั่วโมง แต่ก็เป็นโรงเรียนสหศึกษาที่เอื้อให้พระโอรสและพระธิดาทั้ง 3 พระองค์ได้อยู่ในโรงเรียนเดียวกัน นอกจากนั้น แม้มาร์ลโบโร คอลเลจจะเป็นโรงเรียนประจำ แต่ก็รับนักเรียนไป-กลับให้เข้าศึกษาด้วย

= นอกจากนั้น ปรินเซสเคทยังทรงออกเยี่ยมชมหลายโรงเรียนมัธยมในกรุงลอนดอนด้วย มารี แคลร์ รายงานไว้ พร้อมชี้ว่าพระองค์น่าจะเก็บข้อมูลหลายๆ ทางเลือก เพื่อเปิดทางให้พระโอรสจอร์จได้ศึกษาในโรงเรียนใกล้บ้าน

หรือก็คือ เจ้าชายจอร์จจะสามารถใช้ชีวิตในพระตำหนักอยู่กับพระบิดาและพระมารดา ตลอดจนพระกนิษฐาและพระอนุชาได้อย่างอบอุ่น โดยที่พระครอบครัวเวลส์ก็จะย้ายกลับเข้าพำนักในพระราชวังเคนซิงตันดังที่เคยเป็นมาก่อนเดือนกันยายน 2023


ความเป็นไปได้ในเรื่องนี้มีอยู่สูงทีเดียว เมื่อพิจารณาถึงพระไลฟ์สไตล๋ของปรินซ์จอร์จ ซึ่งทรงใกล้ชิดพระบิดาอย่างยิ่ง และในเวลาเดียวกัน ทรงให้ความร่วมมือแก่พระบิดาและพระมารดาเป็นอย่างดีเสมอ ในขณะที่ทั้งสองพระองค์ก็ทรงไม่รีบเร่งกับการฝึกฝนกล่อมเกลาปรินซ์จอร์จให้มีวิถีวิธีแบบกษัตริย์ อิงกริด สวอร์ด บรรณาธิการบริหารของนิตยสารแมเจสตี ฟันธงไว้อย่างนั้น

โดยเธอวิเคราะห์ไว้กับทีมข่าวฟีเมล FEMAIL ของเดลิเมลออนไลน์ว่า

“ปรินเซสและปรินซ์แห่งเวลส์จะทรงไม่ผลักดันพระโอรสจอร์จในระยะนี้ เพราะยังไม่จำเป็นต้องรีบเร่ง ทั้งสองพระองค์มิใช่คุณพ่อคุณแม่เชิงรุกขนาดนั้น แต่จะคอยสนับสนุนเมื่อพระโอรสแสดงให้เห็นว่าทรงเริ่มสนใจ

“ปรินซ์จอร์จเริ่มฝึกฝนเรียนรู้ที่จะเป็นผู้ใหญ่ค่ะ ทรงเริ่มครุ่นคิดถึงตัวพระองค์เองกับวิถีใหม่ๆ ที่ต้องปรับตัว พระบิดากับพระมารดาจะพาพระองค์ไปสัมผัสกับงานพระราชกรณียกิจต่างๆ มากขึ้นเท่าที่จะทรงเห็นว่าเหมาะสม แนวทางอย่างนี้จะช่วยให้ปรินซ์จอร์จทยอยปรับพระองค์ให้ชินกับพระราชประเพณีและกฎมณเฑียรบาลต่างๆ ที่พระองค์ต้องเข้าไปสัมผัสในอนาคต

ปรินซ์ฟิลิปทรงพาปรินซ์ชาร์ลส์เข้าเป็นนักเรียนประจำของโรงเรียนกอร์ดอนสตัน ซึ่งปรินซ์ฟิลิปก็ทรงเป็นศิษย์เก่า
ด้านกูรูริชาร์ด ฟิตซ์วิลเลียมส์ ซึ่งมีความเห็นในทิศทางเดียวกัน มองเส้นทางอนาคตของปรินซ์จอร์จไว้ดีงามว่า พระองค์ทรงได้รับความสนับสนุนอย่างยิ่งจากพระบิดาและพระมารดา ซึ่งแน่นอนชัดเจนว่าจะเป็นแกนหลักในการช่วยตระเตรียมให้ปรินซ์ทรงพร้อมรับพระภารกิจ โดยใช้วิธีที่สอดคล้องกับความเป็นจริงมากที่สุดที่จะเป็นไปได้ และแน่นอนว่าพระอัยกาเจ้าก็จะทรงช่วยสนับสนุนด้วยเช่นกัน

นอกจากนั้น บรรณาธิการของนิตยสารแมเจสตี โจ ลิตเติล ชี้ไว้ตรงกับกูรูฟิตซ์วิลเลียมส์ว่า ปรินซ์และปรินเซสแห่งเวลส์จะบ่มเพาะเจ้าชายจอร์จให้พร้อมรับมือกับพระภารกิจแห่งพระมหากษัตริย์ก่อน จึงจะพาพระองค์ก้าวออกสู่เวทีสาธารณะมากขึ้นๆ

“เราอาจจะไม่ได้เห็นปรินซ์จอร์จ หรือกระทั่งปรินเซสชาร์ลอตต์และปรินซ์หลุยส์ในเร็ววันนี้ เพราะพระบิดาและพระมารดาจะทรงคัดเลือกพระอีเวนต์อันเหมาะสมสำหรับพระโอรสและพระธิดา”

ขณะที่บรรดากูรูพากันรอดูว่าพระครอบครัวเวลส์จะทรงไม่ปฏิบัติตามกฎเหล็กแห่งพระราชประเพณีทั้งสองประการ ดังที่เห็นสัญญาณชี้บ่งอยู่แว้บๆ นั้น เดลิเมลออนไลน์ไล่เรียงข้อกำหนดอื่นๆ ที่บังคับใช้กับพระโอรสและพระธิดาแห่งพระราชวงศ์สายเวลส์ ให้สาธารณชนได้ทราบอีกหลายเรื่อง ดังนี้

ในการเดินทางต่างประเทศ สมาชิกพระราชวงศ์จะต้องเตรียมฉลองพระองค์สีดำติดกระเป๋าไปด้วยเสมอ เผื่อว่าจะเกิดเหตุการณ์สวรรคต สิ้นพระชนม์ หรือสิ้นชีพตักษัยของพระญาติอย่างปุบปับ

แนวปฏิบัตินี้กำหนดขึ้นหลังเหตุการณ์ที่สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 ทรงสวรรคต ในห้วงที่เจ้าฟ้าหญิงเอลิซาเบธ องค์รัชทายาทลำดับที่ 1 กับเจ้าชายฟิลิปผู้เป็นพระสวามี อยู่ระหว่างการเสด็จประพาสประเทศเคนยาในปี 1952 และจึงเป็นกรณีตัวอย่างให้ตระหนักว่าในวันเวลาแห่งความโศกเศร้าเหล่านี้ เจ้าฟ้าหญิงเอลิซาเบธซึ่งทรงกลายเป็นสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 โดยทันทีนั้น ทรงไม่มีฉลองพระองค์สีดำให้นำมาใช้ได้เลย

นอกจากนี้ ยังมีแนวปฏิบัติที่กำหนดลักษณะของฉลองพระองค์ของปรินซ์และปรินเซสผู้ทรงพระเยาว์ ว่าแบบใดที่ใช้ได้ แบบใดที่ไม่ให้ใช้ โดยปรินเซสน้อยจะต้องใช้กระโปรง ขณะที่ปรินซ์น้อยจะต้องใช้กางเกงขาสั้น

เหนือสิ่งอื่นใด ในขณะที่เสด็จต่างประเทศ สมาชิกพระราชวงศ์ต้องหลีกเลี่ยงอาหารทะเลเปลือกแข็ง ทั้งกุ้ง กั้ง หอย ปู เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาอาหารเป็นพิษ

แม้พระบุคลิกใหม่เคร่งขรึมเหลือใจในปี 2025 จะทำให้พสกนิกรและสื่อมวลชนทั้งปวงชื่นชมปะปนกับเป็นห่วง ปรินซ์จอร์จ สุภาพบุรุษตัวน้อยผู้แสนจะซีเรียสเครียดบ่อยๆ ก็ทรงมีพระโมเมนต์สนุกสนานแบบเด็กชายวัย 11 ปีทั่วไป ทรงได้เชียร์ทีมฟุตบอลโปรดของพระองค์กับเสด็จพระบิดาวิลเลียม คือ ทีมแอสตัน วิลลา อีกทั้งยังมีการเล่นสนุกกับพระกนิษฐาและพระอนุชา ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและพระออร่าสุขสันต์แจ่มใส เดอะมิร์เรอร์รายงานอย่างนั้น

ขณะเสด็จพระดำเนินด้วยพระราชยานรถม้าพระที่นั่งด้วยกันในพระราชพิธี Trooping The Colour 2025 ปรินซ์จอร์จทรงแซวปรินซ์หลุยส์แบบที่จี๊ดพระทัยวัยละอ่อน จนกระทั่งพระอนุชาได้แต่คราง ปรินซ์จอร์จเองก็ทรงหลุดจากพระอิริยาบถครุ่นคิด และทรงกลั้นหัวเราะไม่ไหว ถึงกับยกสองพระหัตถ์ปิดพระพักตร์กันเลยทีเดียว

พระกิจกรรมที่ปรินซ์จอร์จจะคลายพระองค์ออกจากพระอิริยาบถดำดิ่งในความครุ่นคิด คือ การเชียร์บอลด้วยกันกับพระบิดาวิลเลียม ตลอดจนคุณลุงคุณอาที่เป็นพระสหายแสนสนิทของพระบิดา ทั้งนี้ ในแมตช์ 8 ทีมสุดท้ายเพื่อจะไปคว้าถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก2024/25 เมื่อเดือนเมษายน 2025 ที่สนามปารีส ประเทศฝรั่งเศส ปรินซ์จอร์จได้ตามเสด็จไปเชียร์ทีมแอสตันวิลลา อันเป็นสโมสรฟุตบอลสุดเลิฟของพระบิดา ซึ่งต้องซดแข้ง ทั้งนี้ ปรินซ์จอร์จทรงได้เฮกึกก้องพระทัยเต้นแรงด้วยกันกับพระบิดาหลายครั้งทีเดียว

พระรูปแจ่มใส แต่ก็ดูเป็นหนุ่มกว่าอายุแท้จริงไม่น้อยกว่าหนึ่งทศวรรษนี้ เป็นพระรูปเผยแพร่เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกดชัตเตอร์กันตั้งแต่ต้นปีในบรรยากาศพักผ่อนที่นอร์ฟอล์กระหว่างปิดเทอม
คอลัมน์ PLANET No.3

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: ดิเอ็กซ์เพรส เดอะมิร์เรอร์ เดลิเมลออนไลน์ Palace Confidential นิตยสารแมเจสตี เดอะซัน)

กำลังโหลดความคิดเห็น