ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มแนวโน้มอัตราการเติบโตเศรษฐกิจโลกปีนี้และปีหน้าขึ้นเล็กน้อย สืบเนื่องมาจากการใช้จ่ายที่แข็งแกร่งเกินคาดก่อนถึงเส้นตายภาษีทรัมป์วันที่ 1 ส.ค. รวมถึงการที่อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของอเมริกาลดลงจาก 24.4% อยู่ที่ 17.3% อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจโลกยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญที่รวมถึงอัตราภาษีที่กำลังจะดีดขึ้นและความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์
วันอังคาร (29 ก.ค.) กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เปิดเผยรายงานทิศทางแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Ecomomic Outlook) ฉบับอัปเดต ที่มีการปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกปีนี้ 0.2% จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน เป็น 3.0% และเพิ่มขึ้น 0.1% เป็น 3.1% สำหรับปี 2026 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ยังต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 3.3% สำหรับทั้งสองปีในรายงานเดือนมกราคม
สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกคาดว่า จะลดลงอยู่ที่ 4.2% ในปีนี้ และ 3.6% ในปีหน้า ทว่า สำหรับอเมริกาตัวเลขจะยังคงสูงกว่าเป้าหมาย เนื่องจากคาดว่า ผลกระทบจากภาษีศุลกากรจะถูกถ่ายโอนไปยังผู้บริโภคอเมริกันในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ปิแอร์ โอลิวิเยร์ กูแรงชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของไอเอ็มเอฟ แถลงว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ได้รับการปรับเพิ่มในปีนี้เป็นผลจากการสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าก่อนที่มาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ส.ค. แต่ปัญหาคือ กิจกรรมเหล่านี้จะลดลงและส่งผลให้การค้าในช่วง 6 เดือนหลังของปีนี้จนถึงปีหน้าแผ่วลง
กูแรงชาส์ยังตั้งข้อสังเกตว่า ความตึงเครียดทางการค้าที่ลดลงขณะนี้ซึ่งมีส่วนช่วยให้เศรษฐกิจโลกปรับตัวได้นั้นเป็นพัฒนาการที่เปราะบาง
ทั้งนี้ เดือนเมษายน ทรัมป์กำหนดภาษีศุลกากรพื้นฐาน 10% สำหรับประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมด รวมทั้งขู่จะเก็บภาษีที่เขาเรียกว่าอัตราศุลกากรตอบโต้จากชาติคู่ค้าหลายสิบรายด้วยอัตราสูงต่ำไม่เท่ากัน ไม่เพียงเท่านั้นยังประกาศเก็บภาษีสูงลิบ 25-50% สำหรับภาคยานยนต์ เหล็กกล้า และอลูมิเนียม เพียงแต่ในเวลาต่อมา ภาษีเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้ถูกสั่งระงับไว้ก่อน จนถึงวันที่ 1 ส.ค.
วอชิงตันและปักกิ่งยังแก้เผ็ดขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กัน จนกระทั่งขึ้นไปอยู่ที่อัตราเลข 3 กว่าจะตกลงสงบศึก ปรับลดตัวเลขลงมาชั่วคราวนาน 90 วันจนถึงวันที่ 12 เดือนหน้า และขณะนี้กำลังเจรจาขยายเส้นตายดังกล่าว
การดำเนินการเหล่านี้ทำให้อัตราภาษีศุลกากรที่แท้จริงของอเมริกาปัจจุบันอยู่ที่ 17.3% สูงกว่าอัตราเฉลี่ยของทั่วโลกที่อยู่ที่เพียง 3.5%
กูแรงชาส์ชี้ว่า ถ้าอัตราภาษีของทรัมป์ปรับเพิ่มสู่ระดับที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ อัตราเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะลดลง 0.3% ในปีหน้า
ในส่วนอเมริกานั้นถูกคาดหมายว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 1.9% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์เดิม 0.1% ยูโรโซนปรับเพิ่ม 0.2% เป็น 1%
ไอเอ็มเอฟปรับเพิ่มอัตราเติบโตของจีน 0.8% เป็น 4.8% โดยระบุว่า เป็นผลจากกิจกรรมที่ขยายตัวแข็งแกร่งเกินคาดในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ตลอดจนถึงอัตราภาษีตอบโต้ระหว่างจีนกับอเมริกาที่ลดลงจากตัวเลขสามหลักเหลือเพียงสองหลัก
กูแรงชาส์เตือนว่า จีนยังต้องเผชิญปัญหาจากอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นจุดอ่อนที่ไม่ได้รับการแก้ไขให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นตัวถ่วงกิจกรรมเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับพวกประเทศเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาถูกคาดหมายว่า จะมีอัตราเติบโต 4.1% ในปีนี้และ 4.0% ในปีหน้า
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)