ราคาน้ำมันขยับขึ้นแรงในวันอังคาร(29ก.ค.) หลังรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยกระดับกดดันรัสเซียเกี่ยวกับสงครามในยูเครน ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ผิดหวังรายงานผลประกอบการของหลายบริษัท ขณะที่ทองคำก็ขยับลงเช่นกัน จับตาที่ประชุมธนาคารกลางอเมริกา(เฟด)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 69.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 2.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 72.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯในวันอังคาร(29ก.ค.) เตือนว่าพวกเจ้าหน้าที่จีนที่เดินหน้าซื้อน้ำมันรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตร จะนำมาซึ่งการรีดภาษีครั้งใหญ่ แต่ทางปักกิ่งตอบโต้ว่าพวกเขาจะปกป้องอธิปไตยด้านพลังงานของตนเอง
ในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนเป็นเวลา 2 วัน ในสตอกโฮล์ม ทาง เบสเซนต์ ยังบอกถึงความไม่พอใจของอเมริกาที่มีต่อจีน กรณีที่ยังคงเดินหน้าซื้อน้ำมันของอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตร เช่นเดียวกับการขายสินค้าเทคโนโลยีที่ใช้ได้ทั้งในทางพลเรือนและการทหารแก่รัสเซีย มูลค่ากว่า 15,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นตัวช่วงส่งเสริมมอสโกในการทำสงครามกับยูเครน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันอังคาร(29ก.ค.) หลังบางบริษัทเผยแพร่รายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่นักลงทุนเฝ้ารอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯในช่วงกลางสัปดาห์
ดาวโจนส์ ลดลง 204.57 จุด (0.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,632.99 เอสแอนด์พี ลดลง 18.91 จุด (0.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,370.86 จุด แนสแดค ลดลง 80.29 จุด (0.38 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 21,098.29 จุด
มีหลายบริษัทในดาวโจนส์ที่เผยแพร่รายงานผลประกอบการออกมาแล้ว ในนั้นรวมถึงยูไนเต็ดเฮลท์, โบอิ้ง และเมอร์ค
ยูไนเต็ดเฮลท์ ดิ่งลง 7.5% และเป็นตัวถ่วงหนักที่สุดของดาวโจนส์ หลังคาดการณ์มีกำไรที่น่าผิดหวัง ส่วนโบอิ้ง ปรับลด 4.4% แม้รายงานผลประกอบการขาดทุนไตรมาส 2 เพียงเล็กน้อย ขณะที่ เมอร์ค ปิดลบ 1.7% หลังผู้ผลิตยาแห่งนี้รายงานผลประกอบการรายไตรมาส และบอกว่าจะขยายเวลาระงับการส่งมอบวัคซีนเอชไอวีไปยังจีน จนกว่าจะถึงสิ้นปี 2025 สืบเนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอต่อเนื่อง
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร(29ก.ค.) ปิดบวกเล็กน้อย นักลงทุนเฝ้ารอผลลัพธ์การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน และที่ประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 0.4 % ปิดที่ 3,324.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)