กองทัพไทยกล่าวหากัมพูชาในวันอังคาร(29ก.ค.) ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่เพิ่งบังคับใช้ไปไม่กี่ชั่วโมง ระบุเหตุปะทะยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ข้อตกลงมีเจตนาหยุดการสู้รบนองเลือดตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ชาติ ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์
เอเอฟพีรายงานว่าตามหลังการเจรจาสันติภาพในมาเลเซียเมื่อวันจันทร์(28ก.ค.) ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข เริ่มตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน เพื่อยุติการสู้รบเกี่ยวกับเหล่าปราสาทโบราณในพื่นที่พิพาท ตามแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ ที่มีระยะทาง 800 กิโลเมตร
"ณ ช่วงเวลาที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ ฝ่ายไทยตรวจพบว่ากองกำลังกัมพูชาเปิดฉากโจมตีด้วยอาวุธเข้าใส่หลายพื้นที่ที่อยู่ภายในดินแดนของไทย" เอเอฟพีรายงานอ้างคำแถลงของพลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพไทย
"มันเข้าองค์ประกอบของการจงใจละเมิดข้อตกลงและเป็นความพยายามอย่างชัดเจนในการบ่อนทำลายความไว้วางใจซึ่งกันและกัน" โฆษกกองทัพไทยระบุในถ้อยแถลง "ไทยจำเป็นต้องตอบโต้อย่างสมสัดส่วน ใช้สิทธิทางกฎหมายในการป้องกันตนเอง"
ส่วนรอยเตอร์รายงานอ้างคำแถลงของพลตรี วินธัย เช่นกัน ระบุกัมพูชาได้ทำการโจมตีหลายจุด ซึ่งละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หนึ่งวันหลังจาก 2 ประเทศบอกว่าพวกเขาจะหยุดการสู้รบ เริ่มตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน
รายงานของทั้งเอเอฟพีและรอยเตอร์ระบุว่าพวกผู้นำไทยและกัมพูชาพบปะกันในวันจันทร์(28ก.ค.) และเห็นพ้องยุติความขัดแย้งนองเลือดที่สุดในรอบกว่า 1 ทษวรรษ หลังสู้รบกันอย่างดุเดือดกว่า 5 วัน ที่ทำให้ผู้คนต้องย้ายถิ่นฐานมากกว่า 300,000 ราย
ในเมืองสำโรงของกัมพูชา ห่างจากชายแดนราวๆ 20 กิโลเมตร พวกผู้สื่อข่าวเอเอฟพีได้ยินเสียงการโจมตีด้วยปืนใหญ่เป็นชุดๆอย่างต่อเนื่องตลอดคืนวันจันทร์(28ก.ค.) ก่อนที่เสียงระเบิดจะหยุดยิงประมาณ 30 นาทีก่อนถึงเที่ยงคืน และยังคงอยู่ในความสงบ 30 นาทีหลังจากนั้น
"แนวหน้าผ่อนคลายลงนับตั้งแต่มีการหยุดยิงในช่วงเที่ยงคืน" นายฮุน มาเน็ต โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กในเช้าวันอังคาร(29ก.ค.) ตามรายงานของเอเอฟพี
เครื่องบินรบ จรวดและปืนใหญ่ สังหารผู้คนอย่างน้อย 38 ราย นับตั้งแต่วันพฤหัสบดี(24ก.ค.) และประชาชนอีกเกือบ 300,000 คนต้องอพยพถิ่นฐาน กระตุ้นให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าแทรกแซงเมื่อช่วงสุดสัปดาห์
(ที่มา:เอเอฟพี/รอยเตอร์)