สำนักงานปฏิบัติการและช่วยเหลือเหยื่อทุ่นระเบิดแห่งกัมพูชา (The Cambodian Mine Action and Victim Assistance Authority – CMAA) ออกคำเตือนเร่งด่วนไปยังประชาชนที่อาศัยอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชาวันนี้ (26 ก.ค.) ให้ระมัดระวังอันตรายจาก “ระเบิดลูกปราย” (cluster munitions) โดยอ้างว่ากองทัพไทยมีการนำอาวุธประเภทนี้มาใช้อย่างกว้างขวาง
“CMAA ขอแสดงความเป็นห่วงอย่างลึกซึ้ง และประณามกองทัพไทยที่มีการนำระเบิดลูกปรายมาใช้ในจังหวัดพระวิหาร เมือวันที่ 25 ก.ค. ระเบิดเหล่านั้นทำให้พลเรือนได้รับบาดเจ็บ รวมถึงเด็กๆ และสร้างความเสียหายรุนแรง” คำแถลงของ CMAA ระบุ
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียเพิ่มเติม CMAA ได้แจ้งให้ชาวกัมพูชาในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบใช้ความระมัดระวังอย่างสูง และปฏิบัติตามข้อแนะนำดังต่อไปนี้
- อย่าสัมผัสระเบิดลูกปรายหากพบ ระเบิดขนาดเล็กซึ่งมักจะมีขนาดพอๆ กับกระสุนปืนนี้สามารถระเบิดได้ทุกเวลา ซึ่งจะก่อให้เกิดการบาดเจ็บ พิการ หรือเสียชีวิตได้
- แจ้งการพบเห็นทันทีไปยังบุคลากรทางทหาร ตำรวจ หน่วยงานท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ผู้นำหมู่บ้าน หรือหน่วยปฏิบัติการเก็บกวาดทุ่นระเบิดเพื่อให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายและทำลายทิ้งอย่างปลอดภัย
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงวานนี้ (25 ก.ค.) ถึงกรณีที่กัมพูชากล่าวหาฝ่ายไทยว่ามีการใช้กระสุนปืนใหญ่แบบกระสุนคลัสเตอร์หรือระเบิดลูกปราย โดยระบุว่า กองทัพบกจะพิจารณาใช้ตามความจำเป็นต่อเป้าหมายทางทหารเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการทำลายเป้าหมาย โดยเมื่อกระสุนหลักกระทบเป้าหมายแล้ว กระสุนย่อยที่บรรจุอยู่ภายในจะระเบิดต่อเนื่อง ทว่ากระสุนดังกล่าวไม่ใช่ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และไม่มีผลตกค้างในระยะยาวต่อพลเรือนหลังการใช้งาน
ส่วนกรณีของอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้กระสุนคลัสเตอร์ (Convention on Cluster Munitions – CCM) ซึ่งห้ามรัฐภาคีใช้งาน ผลิต หรือสะสมอาวุธชนิดนี้นั้น ไม่มีผลผูกพันต่อประเทศไทย เนื่องจากไทยมิได้เป็นภาคีของอนุสัญญาดังกล่าว เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เป็นต้น
โฆษกกองทัพบกยืนยันว่า ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทยเป็นไปตามหลัก “ความได้สัดส่วน” โดยจะมีการใช้กระสุนคลัสเตอร์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการระเบิดทำลายเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
ที่มา : Phnom Penh Post, MGROnline