เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติเรียกร้องวานนี้ (25 ก.ค.) ให้ฝ่ายไทย “หยุดยิงทันที” แบบไม่มีเงื่อนไข หลังเหตุปะทะตามแนวชายแดนลุกลามต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 ขณะที่รัฐบาลไทยส่งสัญญาณเปิดกว้างสำหรับการเจรจา
สถานการณ์ตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชายกระดับกลายเป็นปฏิบัติการต่อสู้ด้วยเครื่องบินขับไล่ ปืนใหญ่ รถถัง และทหารราบในวันพฤหัสบดี (24) ซึ่งทำให้ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาติ (UNSC) จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อหาทางออกในวันศุกร์ (25)
“กัมพูชาขอให้ฝ่ายไทยหยุดยิงทันทีโดยปราศจากเงื่อนไข และขอให้ใช้แนวทางสันติวิธีคลี่คลายข้อพิพาท” เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำยูเอ็น แถลงภายหลังการประชุมแบบปิดของ UNSC ซึ่งมีผู้แทนจากไทยและกัมพูชาเข้าร่วม
รัฐบาลกัมพูชาอ้างว่ามีพลเรือนชายวัย 70 ปี คนหนึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะที่จังหวัดอุดรมีชัย และยังมีผู้บาดเจ็บอีก 5 รายเมื่อวานนี้ (25) ขณะที่ทางการไทยได้สั่งอพยพประชาชนมากกว่า 138,000 คนออกจากพื้นที่ชายแดนที่ติดกับกัมพูชา
นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทย ให้สัมภาษณ์กับ AFP ว่า เหตุสู้รบได้คลายความรุนแรงลงบ้างในช่วงบ่ายวันศุกร์ (25) พร้อมเสริมว่าไทยเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเพื่อลดความขัดแย้ง โดยอาจจะมีมาเลเซียเข้ามาช่วยเป็นคนกลาง
“ฝ่ายเราพร้อม หากกัมพูชาต้องการยุติปัญหานี้ผ่านช่องทางการทูตแบบทวิภาคี หรือผ่านทางมาเลเซีย เราก็พร้อมที่จะทำ แต่จนถึงขณะนี้เรายังไม่ได้รับคำตอบอะไร” นาย นิกรเดช ให้สัมภาษณ์ก่อนที่การประชุม UNSC จะเริ่มต้นขึ้น
ไทยและกัมพูชาต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายหนึ่งว่าเปิดฉากยิงโจมตีก่อน ขณะที่ฝ่ายไทยชี้ว่ากัมพูชาจงใจโจมตีเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน ดังจะเห็นได้จากการที่กัมพูชาใช้ปืนใหญ่ยิงโจมตีโรงพยาบาล และมีปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในฝั่งไทยถูกยิงถล่มด้วยจรวดไม่ต่ำกว่า 1 ลูก
ในเวทีประชุมยูเอ็น เอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ตั้งคำถามต่อข้อกล่าวอ้างของไทยที่ว่า กัมพูชาซึ่งเป็นประเทศที่เล็กกว่าและมีแสนยานุภาพทางทหารด้อยกว่าไทยเป็นฝ่าย “เริ่มต้น” ความขัดแย้งนี้
“(UNSC) เรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายใช้ความอดทนอดกลั้นสูงสุด และใช้แนวทางการทูตแก้ปัญหา ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ฝ่ายกัมพูชาเรียกร้องเช่นกัน” เจีย แก้ว ระบุ
AFP รายงานว่า ไม่มีผู้เข้าร่วมประชุม UNSC คนอื่นๆ ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ที่มา: เอเอฟพี