วังเครมลินในวันพฤหัสบดี(17ก.ค.) ปฏิเสธแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำพูดของอดีตประธานาธิบดี ดมิทรี เมดเวเดฟ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะชิงโจมตีเล่นงานตะวันตกก่อน แต่บอกว่าเขามีสิทธิ์ชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศแห่งการเผชิญหน้าในยุโรป
ก่อนหน้านี้ในวันพฤหัสบดี(17ก.ค.) เมดเวเดฟ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย บอกว่ามอสโกไม่มีแผนโจมตีนาโต้และยุโรป แต่เขาแนะนำว่ารัสเซียควรตอบโต้ หรือถ้าจำเป็นก็ควรชิงโจมตีก่อน ถ้าเชื่อว่าตะวันตกกำลังยกระดับในสิ่งที่เรียกเขาเรียกว่า "สงครามเต็มรูปแบบเล่นงานรัสเซีย"
"เราจำเป็นต้องทำตามนั้น ตอบโต้อย่างเต็มกำลัง และถ้าจำเป็น เปิดฉากชิงโจมตีก่อน" เมดเวเดฟกล่าว
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเห็นของเมดเวเดฟ ทาง ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในรายละเอียด เนื่องจากเขาเป็นโฆษกของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ไม่ใช่ เมดเวเดฟ แต่ชี้ว่า เมดเวเดฟ มีประสบการณ์มากมายและมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นของตนเอง
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่ มาเรีย ชาคาโรวา โฆษกของรัสเซียอีกคน ออกมาโวยวายสหรัฐฯในวันเดียวกัน โดยชี้ว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยกระดับจัดหาอาวุธแก่เคียฟ เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณให้เคียฟละทิ้งความพยายามสร้างสันติภาพ พร้อมประกาศกร้าวว่ามอสโกจะไม่ยอมรับการ "ขู่กรรโชกใดๆ" ต่อกรณีที่วอชิงตันยื่นคำขาดคว่ำบาตรรอบใหม่
ทรัมป์ แถลงจุดยืนที่ขึงขังเกี่ยวกับสงครามของรัสเซียในยูเครน เมื่อวันจันทร์(14ก.ค.) กำหนดเส้นตาย 50 วันให้มอสโกบรรลุข้อตกลงหยุดยิง ไม่อย่างนั้นจะต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตร นอกจากนี้แล้วอเมริกายังสัญญามอบขีปนาวุธและอาวุธอื่นๆแก่เคียฟเพิ่มเติม
ชาคาโรวา ประณามความเคลื่อนไหวดังกล่าว "ชัดเจนว่ารัฐบาลเคียฟรับรู้อย่งต่อเนื่องเกี่ยวกับการตัดสินใจดังกล่าวโดยตะวันตกร่วม ในการส่งสัญญาณให้เดินหน้าโจมตีและละทิ้งกระบวนการสันติภาพ"
รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 นำมาสู่ความขัดแย้งนองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยสหรัฐฯประเมินว่ามีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแล้วกว่า 1.2 ล้านคน
มอสโก อ้างว่าพวกเขาถูกบีบให้ต้องเปิดสงครามเพื่อปกป้องตนเองจากการแผ่ขยายอาณาเขตโดยนาโต้ แต่ทางยูเครนและบรรดารัฐบาลตะวันตก เรียกสงครามของรัสเซีย ว่าการเป็นยึดดินแดนในรูปแบบการล่าอาณานิคม
เวลานี้กองกำลังรัสเซียควบคุมดินแดนของยูเครนได้ราวๆ 1 ใน 5 และค่อยๆรุกคืบทั่วทุกแนวหน้า
ทรัมป์ ซึ่งให้ความสำคัญในลำดับต้นๆกับการยุติความขัดแย้งระหว่างยูเครนกับรัสเซีย ขู่รีดภาษีรัสเซีย 100% และคว่ำบาตรรองประเทศต่างๆที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย ถ้ามอสโกไม่ยอมตอบตกลงข้อตกลงหยุดยิงภายในเส้นตาย 50 วัน
อย่างไรก็ตาม ชาคาโรวา กล่าวว่า "มีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรและข้อจำกัดต่างๆเล่นงาประเทศของเราและคู่หูระหว่างประเทศของเรา ในจำนวนที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่มากมายในนั้น เรามองคำขู่คว่ำบาตรรอบใหม่เป็นเรื่องน่าเบื่อ ภาษาของการยื่นคำขาด ขู่กรรโชกและข่มขู่เรา เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เราจะใช้ทุกมาตรการที่จำเป็นเพื่อรับประกันความมั่นคงและปกป้องผลประโยชน์ประเทศของเรา"
(ที่มา:รอยเตอร์)