ศาลสูงสุดเกาหลีใต้พิพากษายกฟ้อง อี แจยอง หรือ เจย์ วาย ลี (Jay Y. Lee) ประธานบริษัท ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โดยยืนตามคำตัดสินของศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ที่ให้ประธานซัมซุงพ้นผิดจากข้อหาฉ้อโกงและปั่นหุ้นซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการมูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2015
คำตัดสินของศาลสูงสุดในวันนี้ (17 ก.ค.) ถือเป็นการปิดฉากมรสุมทางกฎหมายสำหรับ อี แจยอง ในห้วงเวลาที่ซัมซุงกำลังเร่งพัฒนาชิปเอไอเพื่อไล่ตามบรรดาบริษัทคู่แข่งทั่วโลก
ศาลสูงสุดมีคำวินิจฉัยสอดคล้องกับคำพิพากษาของศาลชั้นต้นให้ยกฟ้อง อี ในทุกข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการเมื่อ 10 ปีก่อนระหว่าง Samsung C&T กับ Cheil Industries ซึ่งอัยการผู้สั่งฟ้องชี้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับอำนาจของ อี ในการควบคุมบริษัท
“คำพิพากษาของศาลสูงสุดได้ขจัดความไม่แน่นอนทางกฎหมายให้หมดไป ซึ่งอาจจะเป็นผลดีต่อซัมซุงในระยะยาว” ริว ยังโฮ นักวิเคราะห์อาวุโสจาก NH Investment & Securities ให้ความเห็น
“ยังต้องรอดูกันว่า อี จะเข้าไปมีบทบาทโดยตรงและเชิงรุกต่อไปอย่างไร แต่หากเจ้าของบริษัทมีบทบาทเชิงรุกอย่างสูงก็จะช่วยให้ฝ่ายบริหารสามารถมุ่งเน้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในระยะยาว มากกว่าหวังผลลัพธ์ระยะสั้น” ริว กล่าว
ข่าวดีที่ออกมาส่งผลให้ราคาหุ้น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 1.7%
แม้คำตัดสินของศาลสูงสุดเกาหลีใต้จะเป็นที่คาดการณ์อยู่แล้ว แต่ก็เกิดขึ้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำหรับ อี แจยอง ซึ่งถูกหลายฝ่ายตั้งคำถามว่ามีศักยภาพเพียงพอหรือไม่ที่จะเข้ามากุมบังเหียนอาณาจักรธุรกิจซัมซุง ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปความจำและสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดของโลก
กลุ่มล็อบบี้ภาคธุรกิจหลายรายออกมาแสดงความชื่นชมต่อคำตัดสินของศาลสูงสุด ซึ่งพวกเขามองว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้มีเสถียรภาพมากขึ้น
สมาพันธ์วิสาหกิจเกาหลี (Korea Enterprises Federation) ชี้ว่า คำตัดสินนี้ช่วยปลดเปลื้องภาระทางกฎหมายให้กับซัมซุงในห้วงเวลาที่การแข่งขันในอุตสาหกรรมไฮเทค เช่น เอไอ และเซมิคอนดักเตอร์ กำลังทวีความรุนแรงทั่วโลก และยังมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจจากมาตรการรีดภาษีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ด้วย
ในช่วงเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา อี แจยอง ต้องเผชิญกับความท้าทายทางกฎหมายหลายประการ รวมถึงการควบรวมกิจการที่ปูทางไปสู่การสืบทอดตำแหน่งประธานซัมซุงต่อจาก อี คุนฮี (Lee Kun-hee) บิดาของเขาซึ่งเกิดภาวะหัวใจวายเมื่อปี 2014 จนอยู่ในอาการโคม่า
พัค จูกุน ประธานบริษัทวิเคราะห์องค์กร Leaders Index ชี้ว่า เวลานี้ อี ต้องเผชิญกับความท้าทายใหญ่ๆ 2 ประการ คือการกระชับอำนาจในกลุ่มบริษัทให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการผลักดันให้ซัมซุงกลับมาเป็นผู้นำในภาคส่วนสำคัญๆ อีกครั้ง
ที่มา: รอยเตอร์