พล.อ.เตีย เซฮา รัฐมนตรีกลาโหมกัมพูชา ยืนยันว่าประเทศของเขายังคงมีกองกำลังพลเพียงพอพร้อมสำหรับส่งเข้าประจำการตามแนวชายแดนติดกับไทย ในกรณีที่สถานการณ์ลุกลามบานปลาย ท่ามกลางความตึงเครียดที่คุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆระหว่าง 2 ชาติเพื่อนบ้าน
เมื่อวันอังคาร(15ก.ค.) ระหว่างพิธีต้อนรับกองกำลังรักษาสันติภาพกัมพูชากลับจากสาธารณรัฐแอฟริกากลาง ทางพล.อ.เตีย เซฮา เน้นย้ำว่ากัมพูชาจะไม่ถอนทหารหรืออาวุธหนักออกจากชายแดน จนกว่าไทยจะทำแบบเดียวกัน และนำพาสถานกาณ์กลับสู่สภาวะเดิมก่อนหน้าวันที่ 7 มิถุนายน
พล.อ.เตีย เซฮา บอกว่าทหารไทยังไม่เปิดด่านชายแดนอย่างสมบูรณ์หรือถอนทหารและยุทโธปกรณ์ออกจากโซนความขัดแย้ง ซึ่งตราบใดที่ยังเป็นกรณีนี้ เขายืนกรานว่ากัมพูชาก็จะยังคงประจำการทหารของตนเองเช่นกัน
รัฐมนตรีกลาโหมของกัมพูชาเผยว่าได้สั่งการให้ตระเตรียมกำลังพลเพิ่มเติม เตรียมพร้อมสำหรับถูกส่งไปยังแนวหน้าถ้าจำเป็น เพื่อปกป้องดินแดนของกัมพูชา
แคมโบเดียเดลี รายงานว่าเมื่อวันที่ 14 กรกฏาคม นายกรัฐมนตรีฮุน มาเน็ต แถลงแผนเริ่มบังคับใช้กฎหมายเกณฑ์ทหาร ที่ไม่เคยบังคับใช้มาก่อน เริ่มตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป เขาบอกว่ากฎหมายฉบับนี้จำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงแก้ไข เพื่อสะท้อนความจำเป็นในปัจจุบันของประเทศและสถานการณ์ความมั่นคง โดยเฉพาะตามหลังความตึงเครียดด้านชายแดนกับไทย
โฆษกของกระทรวงกลาโหมกัมพูชาบอกกับสื่อมวลชนท้องถิ่นว่ากำลังพลทุกหน่วยยังคงอยู่ในความตื่นตัวและมุ่งมั่นที่จะปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
ฮุน มาเนต กล่าวระหว่างพิธีฉลองวาระครบรอบ 32 ปี การก่อตั้งหน่วยงานตำรวจทหารแห่งชาติกัมพูชา ที่จังหวัดกัมปงชนังทางตอนกลางของกัมพูชาว่า กฎหมายข้างต้นจะช่วยเพิ่มจำนวนทหาร และเสริมความเข้มแข็งให้กับกองทัพของกัมพูชา
ทั้งนี้ในโอกาสดังกล่าว ฮุน มาเน็ต ยังส่งเสียงเรียกร้องไทย ให้เคารพข้อตกลงต่างๆที่ผ่านๆมาระหว่าง 2 ประเทศ และหยุดกิจกรรมสอดแนมทางอากาศ ในนั้นรวมถึงใช้โดรนเหนือดินแดนของกัมพูชา
เขาเน้นย้ำว่าข้อเรียกร้องดังกล่าว ก็เพื่อความไว้วางใจกันและกันระหว่างทหารในแนวหน้าของ 2 ประเทศ แต่ละฝ่ายควรยึดถือพันธสัญญาต่างๆผ่านการทูต เขาเร่งเร้าให้ไทยระงับความเคลื่อนไหวทางทหารทั้งหมดใกล้ชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลาดตระเวนและการบินโดรน ซึ่งเขาเตือนว่ามันอาจโหมกระพือความขัดแย้ง ตามรายงานของเดอะแคมโบเดียเดลี
(ที่มา:แคมโบเดียเดลี)