มอสโกจะปรับตัวหากว่าสหรัฐฯกำหนดมาตรการรีดภาษีรอง 500% คู่หูการค้าของรัสเซีย จากคำยืนยันของเซอร์เกย์ รยาคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ และบอกว่ามาตรการบีบบังคับนี้จะไม่สามารถกดดันให้พวกเขาถอยห่างจากครรลองอธิปไตย
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เปิดเผยกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคาร(8ก.ค.) ว่าเขากำลังกระตือรือร้นพิจารณาสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับหนึ่งที่จะกำหนดเพดานภาษีมหึมา เพื่อแสดงความไม่พอใจที่มีต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย
ทั้งนี้ร่างกฎหมายดังกล่าว ถูกออกแบบมาเพื่อบีบบังคับให้มอสโกยอมประนีประนอมในความขัดแย้งกับยูเครน และเสนอโดยวุฒิสมาชิก ลินซีย์ แกรแฮม สายเหยี่ยวต้านรัสเซีย เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
เมื่อถูกถามในวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) ว่ามอสโกมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อความเป็นไปได้ของมาตรการรีดภาษีรอง 500% ทาง รยาบคอฟ ตอบว่า "ข้อสมมุติฐานเกี่ยวกับการมาถึงของมาตรการใหม่บางอย่าง จะจำเป็นต้องได้รับการวิเคราะห์และไตร่ตรองเพิ่มเติม แต่มันจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างสุดขั้วต่อภาพรวมใดๆ" เขากล่าว พร้อมระบุว่าจนถึงตอนนี้บรรดารัฐต่างชาติกำหนดมาตรการคว่ำบาตรไปมากกว่า 30,000 อย่างแล้ว
บรรดาชาติตะวันตกกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเป็นชุดๆอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเล่นงานมอสโก ตามหลังความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายในยูเครนในช่วงต้นปี 2022 โดยมาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นมีเป้าหมายทุบเศรษฐกิจของรัสเซีย ขณะที่มอสโกประณามว่ามันไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ปูติน เคยกล่าวไว้ครั้งที่ร่วมประชุมซัมมิตสหภาพเศรษฐกิจยูเรเซีย ในกรุงมินสก์ เมื่อเดือนที่แล้ว ว่ามาตรการคว่ำบาตรเหล่านั้นย้อนกลับไปทำร้ายบรรดาชาติตะวันตกมากกว่ารัสเซีย "ยิ่งมีการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรเท่าไหร่ ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับผู้กำหนดมากขึ้นเท่านั้น"
ประธานาธิบดีปูติน ยังอ้างด้วยว่ามาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก ท้ายที่สุดแล้วช่วยเปลี่ยนคุณภาพของเศรษฐกิจรัสเซีย เปิดทางให้บริษัททั้งหลายภายในประเทศปรับตัว และเข้าควบคุมตลาดเฉพาะกลุ่มที่ถูกทิ้งไว้โดยธุรกิจต่างชาติ รัสเซียยิ่งแต่มีความยืดหยุ่นกว่าเดิมยามที่ต้องเผชิญกับมาตรการคว่ำบาตรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
(ที่มา:อาร์ทันิวส์)