ราคาน้ำมันขยับขึ้นกว่า 2% ในวันศุกร์(11ก.ค.) ทบวงพลังงานสากล(ไออีเอ) ชี้ว่าตลาดดูเหมือนจะตึงตัวกว่าที่เห็นและความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯจะคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติม ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบและทองคำปรับขึ้น หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงมาตรการรีดภาษีรอบใหม่เล่นงานชาติต่างๆเป็นชุด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.88 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนกันยายน เพิ่มขึ้น 1.72 ดอลลาร์ ปิดที่ 70.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ไออีเอ ระบุว่าตลาดน้ำมันโลกอาจตึงตัวมากกว่าที่เห็น ในขณะที่อุปสงค์ได้แรงหนุนจากช่วงพีคสุดของฤดูกาลขับขี่ ที่ทำให้โรงกลั่นทั้งหลายต้องเดินเครื่องเต็มพิกัดเพื่อรองรับอุปสงค์จากการเดินทาง
ขณะเดียวกันบรรดาบริษัทพลังงานของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ ปรับลดการเดินเครื่องแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติลงเป็นสัปดาห์ที่ 11 ติดต่อกัน จากข้อมูลของเบเกอร์ ฮิวจ์ส บริษัททางพลังงาน โดยหนสุดท้ายที่เหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้นต้องย้อนกลับไปในเดือนกรกฏาคม 2020 ครั้งที่โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ทำให้อุปสงค์เชื้อเพลิงลดลง
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดลบในวันศุกร์(11ก.ค.) หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยกระดับเล่นงานทางภาษีกับแคนาดา โหมกระพือความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของอเมริกา
ดาวโจนส์ ลดลง 279.13 จุด (0.63 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 44,371.51 เอสแอนด์พี ลดลง 20.71 จุด (0.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,259.75 จุด แนสแดค ลดลง 45.14 จุด (0.22 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 20,585.53 จุด
ทรัมป์ ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) ยกระดับรีดภาษีเล่นงานแคนาดา บอกว่าอเมริกาจะปรับเพิ่มเพดานภาษีสินค้านำเข้าประเทศแห่งนี้ 35% ในเดือนหน้า และมีแผนกำหนดมาตรการรีดภาษีอย่างครอบคลุม 15% ถึง 20% กับคู่หูการค้าอื่นเกือบทั้งหมด
วอลล์สตรีทดิ่งลงจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ด้วยนักลงทุนระมัดระวังเป็นอย่างมาก หลัง ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี(10ก.ค.) ได้สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากบราซิล 50% ในขณะที่สหภาพยุโรปกำลังเตรียมพร้อมสำหรับความเป็นไปได้ที่จะได้รับหนังสือจากทรัมป์ แจ้งรายละเอียดรีดภาษีรอบใหม่
คำแถลงรีดภาษีรอบใหม่ต่างๆนานาของทรัมป์ กระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำปรับขึ้นมากกว่า 1% ในวันศุกร์(11ก.ค.) โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.40 % ปิดที่ 3,371.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา:รอยเตอร์)