เอเจนซีส์ – นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู วันจันทร์(7 ก.ค)ในการพบกันครั้งที่ 3 ได้ยื่นจดหมายเสนอชื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯรับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ให้แก่ประธานาธิบดี โดนัล ทรัมป์ เพื่อเป็นของขวัญในทำเนียบขาว
สกายนิวส์ของอังกฤษรายงานวันนี้(8 ก.ค)ว่า ระหว่างการพบปะเป็นครั้งที่ 3 ที่ทำเนียบขาววันจันทร์(7) ผู้นำอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู สร้างความประหลาดใจให้กับผู้นำสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่เป็นพันธมิตรใกล้ชิด
เนทันยาฮูได้ยื่นจดหมายเสนอชื่อทรัมป์เข้ารับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพที่โต๊ะอาหารค่ำให้กับผู้นำสหรัฐฯเพื่อให้ได้อ่าน
ทรัมป์กล่าวว่า “โดยเฉพาะออกมาจากคุณ นี่มันมีความหมายเป็นอย่างมาก”
ผู้นำอิสราเอลกล่าวต่อว่า ทรัมป์กำลังสร้างสันติภาพในขณะที่พวกเรากำลังพูดกันอยู่ และหนึ่งประเทศและหนึ่งภูมิภาคหลังจากนั้น”
เนทันยาฮูเคยออกมายืนยันว่า กลุ่มติดอาวุธฮามาสต้องยอมจำนน ปลดอาวุธ และออกไปจากเขตฉนวนกาซา แต่เป็นสิ่งที่อามาสปฎิเสธไม่ยอมทำตาม
ในวันจันทร์(7) นายกรัฐมนตรีอิสราเอลเปิดเผยกับนักข่าวว่า สหรัฐฯและอิสราเอลกำลังทำงานร่วมกับชาติอิ่นๆที่จะให้อนาคตที่ดีกว่าแก่ชาวปาเลสไตน์ พร้อมกับชี้ว่า ประชาชนที่อาศัยในเขตกาซาสามารถอพยพออกไปอาศัยที่อื่นได้
สื่ออังกฤษรายงานว่า ทั้งนี้ทรัมป์ได้อ้างเครดิตที่สามารถยุติสงคราม 12 วันของอิสราเอล-อิหร่านเมื่อเดือนที่ผ่านมา
และรวมไปถึงการโจมตีพิกัดที่ตั้งนิวเคลียร์อิหร่านที่ผู้นำสหรัฐฯอ้างว่า สามารถทำลายอย่างย่อยยับและเชื่อว่าเวลานี้เตหะรานต้องการกลับมาเริ่มต้นเจรจาอีกครั้ง
“พวกเรามีกำหนดการสำหรับการเจรจาอิหร่าน และพวกเขาต้องการเช่นนั้น” ผู้นำสหรัฐฯเปิดเผยกับนักข่าววันจันทร์(7) และเสริมว่า “พวกเขาต้องการเจรจา”
ทั้งนี้อิหร่านยังไม่ได้ยืนยันในเรื่องนี้ออกมา แต่ประธานาธิบดีอิหร่าน มาซูด เปเซซเคียน ( Masoud Pezeshkian) ได้เปิดเผยกับอดีตนักจัดรายการฟ็อกซ์นิวส์ชื่อดัง ทัคเกอร์ คาร์ลสัน (Tucker Carlson) ว่า เขาเชื่อว่าอิหร่านสามารถแก้ไขปัญหาความแตกต่างกับสหรัฐฯผ่านการเจรจา
และยังเสริมต่อว่า อิหร่านมีความต้องการที่จะกลับมาร่วมมือกับผู้กำกับนิวเคลียร์ของยูเอ็นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามผู้นำเตหะรานอ้างต่อว่า การเข้าถึงไซต์นิวเคลียร์ทั้งหมดยังไม่สามารถกระทำได้จากการที่โดนสหรัฐฯโจมตีได้สร้างความเสียหายให้กับโรงงานนิวเคลียร์อิหร่านอย่างหนัก
สกายนิวส์รายงานว่า ห่างออกไปจากอิหร่าน การสู้รบยังคงดำเนินอยู่ทั้งในเขตฉนวนกาซาและยูเครน
ผู้นำสหรัฐฯนั้นมีชื่อเสียงจากการคุยโวก่อนจะเริ่มต้นสมัยที่ 2 ในทำเนียบขาวว่า เขาสามารถทำให้สงครามยูเครนสามารถจบลงได้ภายใน 24 ช.ม
แต่สภาพความเป็นจริงนั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิง โดยยูเครนเปิดเผยสัปดาห์ที่แล้วว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศหนักที่สุดตั้งแต่เริ่มสงครามมา
บรรดานักวิจารณ์ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ในขณะเดียวกันประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนโดนผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน หลอกและอีกทั้งปูตินไม่มีความตั้งใจในการตกลงหยุดยิงกับยูเครน