มีผู้โดยสารราว 3.65 ล้านคน ทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ที่สัญจรทางอากาศในกัมพูชา ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2025 เติบโตขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดย จีน มากสุดอันดับ 1 ขณะที่ชาติที่มีบทบาทสำคัญอื่นๆ มีทั้ง ไทย, เวียดนาม, เกาหลีใต้และญี่ปุ่น ตามรายงานของคิริโพสต์ สื่อแดนเขมรที่อ้างอิงข้อมูลจากสำนักงานเลขาธิการการบินพลเรือนแห่งรัฐของกัมพูชา(SSCA)
Sin Chansereivutha โฆษกของ SSCA ให้สัมภาษณ์กับคิริโพสต์ว่าตัวเลขที่เติบโตขึ้นมีแรงขับเคลื่อนจากการฟื้นตัวขึ้นอย่างมากของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปต่างแดน อุปสงค์การสัญจรทางอากาศในระดับภูมิภาคที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากไทย, เวียดนาม, เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น นอกจากนี้แล้วยังรวมไปถึงการผ่อนปรนข้อจำกัดด้านการเดินทาง การฟื้นฟูและปริมาณการรองรับผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นของสายการบิน
Chansereivutha บอกว่าการฟื้นตัวและการขยายศักยภาพสายการบินของกัมพูชาเมื่อเร็วๆนี้ ก็มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมจำนวนผู้โดยสารเช่นกัน พร้อมอ้างว่าภาคการบินพลเรือนของกัมพูชากำลังอยู่ในขั้นเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยใหม่ ด้วยสนามบินนานาชาติเตโชที่ใกล้เปิดบริการแล้ว เช่นเดียวกับการขยายเครือข่ายการบินระหว่างประเทศของกัมพูชา
"เรามีเป้าหมายวางกัมพูชาในฐานะศูนย์กลางการบินในภูมิภาค ที่ตรงตามาตรฐานของนานาชาติ ในด้านความปลอดภัย ความมีประสิทธิภาพและความยั่งยืน" เขากล่าว "แม้มีความไม่แน่นอนและความผันผวนในราคาเชื้อเพลิงโลก ต้นทุนปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้น ความขัดแย้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก แต่ไม่มีการลดเที่ยวบินในช่วง 6 ถึง 12 เดือนหลังสุด"
เขาอ้างว่าปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาโครงข่ายเชื่อมต่อใหม่ๆ อย่างเช่นอินเดีย ตะวันออกกลางและเมืองรองๆในจีน ซึ่งคาดหมายว่าจะเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่สัญจรทางอากาศมากขึ้นไปอีก
เมื่ออ้างถึงตลาดที่พบเห็นการเติบโตหรือลดลงมากสุดในจำนวนผู้โดยสารขาเข้า รายงานของ SSCA จัดอยู่ในกลุ่มทรงตัว "อ้างถึงจำนวนที่มั่นคงแม้มีบริบททางการเมือง" พร้อมระบุว่าเที่ยวบินระหว่าง 2 ชาติ "ยังคงบินตามกำหนดตามปกติ" และ "ความถี่ของเที่ยวบินไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ"
อย่างไรก็ตามรายงานของ SSCA ระบุว่ามีความท้าทายสำคัญๆบางอย่างที่ภาคการบินอาจต้องเผชิญ ในความพยายามส่งเสริมการฟื้นตัวและการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในปี 2025 ในนั้นรวมถึงความไม่แน่นอนและความผันผวนของราคาเชื้อเพลิงโลก ต้นทุนด้านปฏิบัติการที่เพิ่มขึ้นและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลกระทบของความตึงเครียดข้ามชายแดน ภาวะไร้เสถียรภาพในภูมิภาค เช่นเดียวกับความขัดแย้งต่างๆนานาทั่วโลก
กระนั้นทาง SSCA เน้นย้ำว่าประเด็นพิพาทด้านเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาส่งผลกระทบต่อการเดินทางทางอากาศอย่างจำกัด ส่วนใหญ่แล้วมันกระทบต่อการข้ามชายแดนทางภาคพื้นมากกว่า
ด้วยที่ในบรรดานักท่องเที่ยวนานาชาติทั้งหมด มีถึง 56% ที่เลือกใช้การเดินทางผ่านด่านชายแดนทางภาคพื้นเข้าสู่กัมพูชา การปิดด่านชายแดนทั้งหมดของไทยเสี่ยงคุกคามเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยว 7 ล้านคนในปี 2025 ในขณะที่ระหว่างเดือนมกราคมถึงเมษายน มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางข้ามด่านชายแดนภาคพื้นเข้าสู่กัมพูชา ราวๆ 1.35 ล้านคน
Chhay Sivlin ประธานสมาคมผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์กับคิริโพสต์ ยอมว่าการปิดด่านชายแดนกำลังก่อแรงกดดันกับการท่องเที่ยวของกัมพูชา เมื่อมีนักท่องเที่ยวข้ามชายแดนน้อยลง ทำให้ธุรกิจต่างๆอย่างเช่น โรงแรม, เกสต์เฮาส์, ร้านอาหารและบริการการขนส่ง ทีพึ่งพิงนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ ต้องประสบกับปัญหา
(ที่มา:คิริโพสต์)