เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิหร่าน แกรนด์ อยาตุลลอฮ์ นาเซอร์ มากาเรม ชิราซี(Grand Ayatollah Naser Makarem Shirazi)ออกคำสั่งฟัตวาต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และ นายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู ฐานตั้งตนเป็นศัตรูพระเจ้า
เดลีเมลของอังกฤษรายงานวานนี้(30 มิ.ย)ว่า ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิหร่าน แกรนด์ อยาตุลลอฮ์ นาเซอร์ มากาเรม ชิราซี(Grand Ayatollah Naser Makarem Shirazi) ล่าสุดออกคำสั่งฟัตวาอ้างว่า ผู้นำสหรัฐฯและผู้นำอิสราเอลมีความผิดโมบาเรบ(mobareb) ตามกฎของศาสนาอิสลามว่า พยายามก่อสงครามกับพระเจ้า
ชิราซีกล่าวเสริมในคำสั่งฟัตวาต่อว่า “ความร่วมมือใดๆหรือการสนับสนุนต่อศัตรูของชาวมุสลิมหรือรัฐอิสลามทั้งหลายนั้นเป็นสิ่งต้องห้ามหรือ “ฮาราม” (haram)”
คำสั่งยังกล่าวต่อว่า “มีความจำเป็นสำหรับชาวมุสลิมทั้งปวงทั่วโลกทำให้ศัตรูเหล่านี้ต้องเสียใจต่อคำพูดและความผิดพลาด”
ผู้นำทางศาสนาของอิหร่านแถลงต่อว่า หากว่ามีชาวมุสลิมคนใดปฎิบัติตามหน้าที่ชาวมุสลิมที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากหรือการสูญเสียในการรณรงค์ของคนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการตอบแทนในฐานะนักสู้ในหนทางของพระเจ้า หากพระเจ้าทรงโปรด”
เดลีเมลชี้ว่า คำสั่งฟัตวาประกาศสงครามต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ และนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู เกิดขึ้นหลังอิสราเอลเริ่มต้นโจมตีโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์เตหะราน ที่ตั้งทางการทหารและการพลเรือนทั่วอิหร่าน และสหรัฐฯกระโดดเข้าร่วมปฎิบัติการในตอนท้าย
ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 ทิ้งระเบิดบังเกอร์ GBU-57 BUNKER BUSTER ไป 14 ลูกท่ามกลางความขัดแย้งผลการโจมตีที่ในขณะที่ทำเนียบขาวอ้างว่า ประสบความสำเร็จแต่ทว่ามีหลายฝ่ายออกมาเปิดเผยว่า อิหร่านสามารถกลับเข้ามาสู่การเสริมประสิทธิภาพยูเรเนียมที่เป็นขั้นตอนนำไปสู่การพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ได้ในแค่ไม่กี่เดือนหลังจากนี้
ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน มายิด ทัคฮต์-ราวานชี( Majid Takht-Ravanchi) ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีของอังกฤษในคืนดึกวันอาทิตย์(29 มิ.ย)ว่า ทำเนียบขาวส่งสัญญาณต้องการกลับเข้าสู่เจรจานิวเคลียร์อิหร่านหลังทิ้งระเบิดโจมตีศูนย์วิจัยนิวเคลียร์อิหร่าน 3 แห่งแต่ทว่าเตหะรานจะไม่กลับเข้ามาเว้นแต่ทางสหรัฐฯจะให้หลักประกันจะไม่มีการโจมตีเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต