xs
xsm
sm
md
lg

ส่อแววซัดกันอีกยก!มัสก์ขู่บ่อนทำลายสมาชิกคองเกรส ใครก็ตามที่หนุนร่างกม.งบประมาณทรัมป์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ในวันจันทร์(30มิ.ย.) กลับมาส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายงบประมาณและการปรับลดภาษีอย่างกว้างขวางของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกรอบ ประกาศจะเซาะกร่อนบ่อนทำลายพวกสมาชิกสภาคองเกรสที่ให้การสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ทั้งที่เคยหาเสียงจำกัดการใช้จ่ายของรัฐบาล

หลังจากปิดปากเงียบมานานหลายสัปดาห์ ตามหลังเปิดศึกวิวาทะกับทรัมป์เกี่ยวกับร่างกฎหมายดังกล่าว ล่าสุด มัสก์ หวนคืนสู่ประเด็นโต้เถียงนี้อีกรอบในวันเสาร์(28มิ.ย.) หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯยกมือสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยเขาเรียกมันว่าเป็น "ร่างกฎหมายที่บ้าบอและทำลายล้าง" ที่ข้อความที่โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์

ในวันจันทร์(30มิ.ย.) มัสก์ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์หนักหน่วงขึ้น ตราหน้าพวกสมาชิกสภาคองเกรสที่เคยรณรงค์หาเสียงปรับลดค่าใช้จ่าย แต่กลับสนับสนุนร่างกฎหมายฉบับนี้ ว่า "ควรก้มหน้าด้วยความละอาย ถ้ามันเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมจะทำบนโลกใบนี้ พวกเขาจะพ่ายแพ้ในศึกหยั่งเสียงแบบไพรมารีในปีหน้า " มัสก์กล่าว

ซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ เน้นย้ำอีกครั้งเกี่ยวกับการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ โดยบอกว่าการใช้จ่ายมหาศาลในร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ บ่งชี้ว่า "เราอาศัยอยู่ในประเทศที่มีพรรคเดียว คือพรรค Porky Pig Party ถึงเวลาแล้วสำหรับการมีพรรคการเมืองใหม่ ที่ให้ความใส่ใจประชาชนอย่างแท้จริง" เขาเขียน

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของมัสก์ต่อร่างกฎหมายดังกล่าวเคยก่อรอยร้าวในความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทรัมป์ ซึ่งเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ทั้งที่มหาเศรษฐีเทคโนโลยีรายนี้เคยทุ่มเงินเกือบ 300 ล้านดอลลาร์ ช่วยรณรงค์หาเสียงให้ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกสมัย และจากนั้นเขาได้เข้ามาเป็นแกนนำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล(DOGE) ทำหน้าที่ริเริ่มการปรับลดการใช้จ่ายของรัฐบาลกลาง

มัสก์ บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก อ้างว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะเพิ่มหนี้สินของประเทศ และเท่ากับเป็นการละทิ้งความพยายามประหลัดงบประมาณ ที่เขาบอกว่าตนเองดำเนินการจนประสบความสำเร็จผ่านกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าแรงเขย่าของมัสก์ในครั้งนี้ จะมีผลอย่างไรต่อสภาคองเกรส หรือความเห็นของเขาจะส่งผลกระทบอย่างไรต่อการผ่านร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรีพับลิกันแสดงความกังวลว่าศึกกระทบกระทั่งระหว่างเขากับทรัมป์ อาจบั่นทอนโอกาสของพวกเขา ในการยังคงครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรส ในศึกเลือกตั้งกลางเทอมปี 2026

(ที่มา:รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น