กัมพูชาอาจใช้อาวุธที่ผลิตโดยจีนโจมตีไทย แต่อาวุธเหล่านั้นจะมีพิสัยการโจมตีไม่ถึงกรุงเทพฯ และดูเหมือนว่าปักกิ่งจะไม่เลือกข้างใคร ถ้าความตึงเครียดเกี่ยวกับเขตแดน ลุกลามสู่ความขัดแย้งทางทหาร ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์เมื่อวันอาทิตย์(29มิ.ย.) อ้างอิงนักวิเคราะห์ชาวจีนรายหนึ่ง
"อาวุธที่ส่งออกของจีน เป็นลักษณะของการป้องกันตนเอง และหลังจากซื้อแล้ว สิทธิความเป็นเจ้าของและการใช้งานจะตกเป็นของประเทศผู้รับทั้งหมดทั้งมวล" ซ่ง จงปิง (Song Zhongping) ผู้เชี่ยวชาญด้านการทหาร อดีตครูฝึกแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนกล่าว
"จีนไม่ปรารถนาเห็น 2 มิตรเก่าแก่ของพวกเขาทำสงครามกัน แม้กระทั่งเกี่ยวกับประเด็นพิพาทด้านดินแดน" เขากล่าว พร้อมระบุปักกิ่งจะหาทางอำนวยความสะดวกการเจรจาและข้อตกลงหยุดยิงหนึ่ง "ไทยเป็นทั้งมิตรเก่าแก่ของจีนและเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ ส่วนกัมพูชามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีน"
คำประเมินของ ซ่ง จงปิง มีขึ้นตามหลังรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เมื่อวันศุกร์(27มิ.ย.) อ้างคำกล่าาวของ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่บอกว่าประเทศของเขามีอาวุธที่สามารถโจมตีได้ถึงกรุงเทพฯ
ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชาพุ่งสูงขึ้น เกี่ยวกับพื้นที่พิพาทตามแนวชายแดนที่เรียกว่าสามเหลี่ยมมรกต มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 ราย ระหว่างการปะทะกันช่วงสั้นๆเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ลุกลามบานปลายทางทหาร ตามรายงานของเซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์
จีนคือแหล่งที่มาหลักในด้านอาวุธของทั้ง 2 ประเทศ แต่ ซ่ง บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่กัมพูชาจะคุกคามเมืองหลวงของไทย ด้วยระบบจรวดหลักของพวกเขาที่ผลิตโดยจีน "นอกจากนี้แล้วกัมพูชายังไม่มีเครื่องบินขับไล่ที่มีศักยภาพบรรทุกขีปนาวุธพิสัยไกล" ขณะเดียวกันงบประมาณกลาโหมของกัมพูชายังคิดเป็นสัดส่วนแค่ราวๆ 1 ใน 10 ของงบประมาณกลาโหมของไทย "ศักยภาพของกองทัพไทยแข็งแกร่งกว่ากองทัพกัมพูชาเป็นอย่างมาก"
อ้างอิงข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสตอกโฮล์ม ( SIPRI ) พบว่าจีนแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นผู้จัดหาอาวุธรายใหญ่ที่สุดของไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คิดเป็นสัดส่วนถึง 44% ในการนำเข้าด้านการทหารของไทย
ขณะเดียวกัน กัมพูชา แทบจะพึ่งพิงอาวุธจากจีนโดยสิ้นเชิง โดยหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์รายงานว่าอาวุธของจีนคัดเป็นสัดส่วนมากถึง 95% ในอาวุธทั้งหมดของกัมพูชา
ซ่ง ระบุว่าจีนต่างจากสหรัฐฯ ที่ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขต่างๆสำหรับการใช้งานอาวุธของตนเอง "มันแตกต่างจากสหรัฐฯ ที่บ่อยครั้งกำหนดมาตรการควบคุมแนวทางการใช้อาวุธของพวกเขา"
มีข่าวลือไม่ได้รับการยืนยันว่าสหรัฐฯจำกัดอินเดียจากการใช้งานเครื่องบินทหารที่ผลิตโดยอเมริกา ระหว่างทำศึกความขัดแย้งกับปากีสถานเมื่อเร็วๆนี้ ในประเด็นพิพาทเกี่ยวกับแคชเมียร์
ในเดือนพฤษภาคม กองกำลังปากีสถานใช้เครื่องบินขับไล่J-10CE ระบบขีปนาวุธและระบบอาวุธต่างๆ สอยเครื่องบินรบราฟาลของอินเดีย ที่ผลิตโดยฝรั่งเศส ร่วงไปหลายลำ
อย่างไรก็ตาม ซ่ง มองว่ามีความแตกต่างใหญ่ๆกันหลายจุดในประเด็นพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา กับความเป็นปรปักษ์ระหว่างอินเดียและปากีสถาน ซึ่ง 2 ชาติหลังเกี่ยวข้องกับความแตกต่างทางศาสนาที่หยั่งรากลึก
"ไทยและกัมพูชา ในฐานะประเทศที่มีชาวพุทธเป็นคนส่วนใหญ่ ไม่ได้มีการแตกต่างทางศาสนาอย่างรุนแรง และประเด็นพิพาทด้านชายแดนระหว่างพวกเขามีต้นตอจากการปกครองอาณานิคมของฝรั่งเศส" ซ่งกล่าว อย่างไรก็ตามเขาเน้นย้ำว่า จีน จะยังคงแนะนำให้มิตรประเทศทั้ง 2 อดทนอดกลั้นและคลี่คลายข้อพิพาทผ่านการเจรจา
ซ่ง ระบุต่อว่า จีน คงไม่เลือกยืนอยู่เคียงข้างฝ่ายใด หากว่าความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา ลุกลามบานบายสู่ความขัดแย้งทางทหาร
ทั้งนี้ ซ่ง ชี้แนะว่าสถาบันอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่จัดตั้งขึ้นมาใหม่ในฮ่องกง "อาจแสดงบทบาทอย่างสน้างสรรค์ในการช่วยเหลือทั้ง 2 ประเทศ หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าติดอาวุธ"
เขาเน้นย้ำว่าจุดยืนของจีนสอดคล้องกับผลประโยชน์อย่างกว้างๆของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(อาเซียน) เพราะความขัดแย้งใดๆภายในกลุ่มจะบ่อนทำลายเสถียรภาพในภูมิภาค "นอกเหนือจากจีนแล้ว ตัวอาเซียนเองก็อาจจะมีส่วนร่วมในความพยายามเป็นคนกลาง"
(ที่มา:เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์)