รัฐบาลเกาหลีเหนือเปิดตัวเขตท่องเที่ยวขนาดใหญ่แห่งใหม่ที่เมืองวอนซาน (Wonsan) ริมชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ซึ่งถือเป็นโครงการระดับเมกะโปรเจ็กต์ที่ผู้นำ คิม จองอึน พยายามผลักดันมานานหลายปีเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเกาหลีเหนือ
สำนักข่าว KCNA รายงานวันนี้ (26 มิ.ย.) ว่า ผู้นำ คิม ได้เดินทางไปร่วมพิธีเปิดเขตท่องเที่ยวชายฝั่ง วอนซาน คัลมา (Wonsan Kalma) “ด้วยความพึงพอใจอย่างยิ่ง” โดยเมืองท่องเที่ยวแห่งนี้จะสามารถรองรับนักท่องเที่ยวได้มากถึง 20,000 คน พร้อมประกาศว่าเกาหลีเหนือยังมีแผนที่จะพัฒนาเขตท่องเที่ยวขนาดใหญ่อื่นๆ ให้สำเร็จภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว
ผู้นำ คิม ดำริให้มีการฟื้นฟูพัฒนาสถานตากอากาศชายทะเลที่เมืองวอนซานให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและสร้างเม็ดเงินนับหมื่นๆ ล้านดอลลาร์ให้กับเกาหลีเหนือ โดยแผนพัฒนาเมืองวอนซานนี้ถูกประกาศออกมาในช่วงแรกๆ ตั้งแต่ปี 2014
แม้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะเป็นแหล่งรายได้เงินสดเพียงไม่กี่ทางของเกาหลีเหนือที่ไม่ถูกสหประชาชาติคว่ำบาตร ทว่าเปียงยางก็ไม่สามารถดึงหุ้นส่วนต่างชาติรายใหญ่ๆ เข้ามาร่วมพัฒนาเมืองวอนซานได้ เนื่องจากติดอุปสรรคเรื่องมาตรการคว่ำบาตรโครงการอาวุธ
เขตท่องเที่ยว วอนซาน คัลมา จะเปิดรับนักท่องเที่ยวภายในประเทศตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. เป็นต้นไป ตามรายงานของ KCNA ซึ่งยังไม่ได้มีการเอ่ยถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ
เกาหลีเหนือใช้มาตรการปิดพรมแดนอย่างเข้มงวดในปี 2020 หลังเกิดโรคระบาดโควิด-19 ก่อนที่จะทยอยผ่อนคลายข้อจำกัดในการเดินทางลงตั้งแต่ปี 2023
ปัจจุบันเกาหลีเหนืออนุญาตให้กรุ๊ปทัวร์จากรัสเซียเข้ามาเที่ยวในประเทศได้ ทว่าพื้นที่กรุงเปียงยางและอีกหลายส่วนของประเทศยังไม่ได้เปิดสำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป แม้ว่าจะเคยมีการจัดกิจกรรมวิ่งมาราธอนที่เปิดรับชาวต่างชาติในช่วงเดือน เม.ย. ที่ผ่านมาก็ตาม
มอสโกและเปียงยางซึ่งกำลังถูกโดดเดี่ยวทางการเมืองและเศรษฐกิจทั้งคู่หันมาจับมือเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เกาหลีเหนือส่งทหารนับหมื่นนายไปช่วยรัสเซียทำสงครามในยูเครน อีกทั้งยังจัดส่งเครื่องกระสุนและขีปนาวุธไปช่วยกองทัพหมีขาวด้วย
เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำเกาหลีเหนือและพนักงานสถานทูตได้รับเชิญเป็นแขกพิเศษให้ไปร่วมในพิธีเปิดเขตท่องเที่ยวเมืองวอนซาน ตามรายงานของ KCNA
เกาหลีเหนือและรัสเซียตกลงที่จะขยายความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยว และได้กลับมาเปิดเส้นทางรถไฟตรงระหว่างเมืองหลวงของกันและกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2020
ที่มา: รอยเตอร์