ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวันนี้ (24 มิ.ย.) ว่าข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านเริ่มมีผลบังคับแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่ายอย่าละเมิดข้อตกลง ซึ่งทำให้มีความหวังว่าสงครามโจมตีทางอากาศที่สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อ 2 ชาติคู่ปรับในช่วง 12 วันที่ผ่านมาน่าจะปิดฉากลงได้
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ระบุว่า อิสราเอลยอมรับข้อเสนอหยุดยิงของทรัมป์ พร้อมประกาศว่าอิสราเอลบรรลุเป้าหมายในการกำจัดภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของอิหร่านแล้ว แต่ก็เตือนว่ารัฐยิวพร้อมจะตอบโต้หากมีการละเมิดข้อตกลงเกิดขึ้น
ก่อนหน้านั้น ผู้นำสหรัฐฯ ได้โพสต์ข้อความผ่าน Truth Social ว่า “ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับแล้ว กรุณาอย่าละเมิดมัน!” (THE CEASEFIRE IS NOW IN EFFECT. PLEASE DO NOT VIOLATE IT!)
ประกาศของ ทรัมป์ มีขึ้นหลังจากที่อิหร่านยิงขีปนาวุธชุดใหญ่ถล่มอิสราเอลจนมีผู้เสียชีวิตไป 4 ราย ตามข้อมูลจากหน่วยรถพยาบาลอิสราเอล ขณะที่ฝ่ายอิหร่านเองก็รายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 9 รายจากการโจมตีของอิสราเอลต่อพื้นที่ตอนเหนือของอิหร่านในเช้าวันนี้ (24)
ตอนที่ ทรัมป์ ออกมาประกาศในวันจันทร์ (24) ว่าขอให้มีการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ ดูเหมือนเขาจะสื่อว่าอิหร่านและอิสราเอลอาจจะมีเวลาทำภารกิจโจมตีให้ลุล่วง และหลังจากนั้นการหยุดยิงก็จะเกิดขึ้นแบบเป็นขั้นเป็นตอน
ประกาศดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ทวีความร้อนระอุขึ้นตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ (22) หลังจากสหรัฐฯ ตัดสินใจส่งเครื่องบิน B-2 ไปทิ้งระเบิดโจมตีฐานที่ตั้งนิวเคลียร์ของอิหร่าน จนทำให้เตหะรานแก้แค้นด้วยการยิงขีปนาวุธไปถล่มฐานทัพสหรัฐฯ ที่กาตาร์เมื่อวันจันทร์ (23)
เช้าวันนี้ (24) ผู้เห็นเหตุการณ์บอกกับรอยเตอร์ว่าได้ยินเสียงระเบิดใกล้กรุงเทลอาวีฟและเบียร์ชีบาทางตอนใต้ของอิสราเอล ขณะที่สำนักข่าว SNN ซึ่งเป็นสื่อกึ่งทางการอิหร่านรายงานว่า เตหะรานยิงขีปนาวุธระลอกสุดท้ายก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงจะมีผลบังคับ
รองผู้ว่าการจังหวัดกีลาน (Gilan) ทางตอนเหนือของอิหร่านระบุว่า อาคารที่พักอาศัย 4 หน่วยถูกทำลายสิ้นเชิงจาก “ปฏิบัติการก่อการร้าย” ในเช้าวันนี้ (24) และมีผู้เสียชีวิต 9 คน บาดเจ็บ 33 คน และแม้ไม่ชัดเจนว่ารองผู้ว่ารายนี้กำลังอ้างถึงการโจมตีของอิสราเอลหรือไม่ แต่มีรายงานจากสำนักข่าว Nournews ว่า โมฮัมหมัดเรซา เซดิกี (Mohammadreza Sediqi) นักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ของอิหร่านคนหนึ่ง เสียชีวิตจากปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลในช่วงก่อนข้อตกลงหยุดยิงมีผล
เจ้าหน้าที่อาวุโสของทำเนียบขาวคนหนึ่งระบุว่า ทรัมป์ รับหน้าที่ไกล่เกลี่ยข้อตกลงหยุดยิงด้วยการโทรไปคุยกับเนทันยาฮู และอิสราเอลก็ยอมตกลง ตราบเท่าที่อิหร่านไม่ยิงขีปนาวุธเข้าไปโจมตีเพิ่มเติม
“ด้วยสมมติฐานว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ควรจะเป็น ซึ่งก็ต้องเป็นอย่างนั้น ผมอยากจะขอแสดงความยินดีกับทั้งอิสราเอลและอิหร่านที่มีความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ และสติปัญญาที่จะยอมยุติสิ่งที่เรียกว่า สงคราม 12 วัน” ทรัมป์ กล่าวผ่าน Truth Social
เจ้าหน้าที่อิหร่านคนหนึ่งยืนยันก่อนหน้านั้นว่า เตหะรานยอมรับข้อตกลงหยุดยิงเช่นกัน ก่อนที่รัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่านจะออกมาแย้มว่าจะไม่มีการยุติสู้รบ เว้นเสียแต่อิสราเอลจะหยุดโจมตีอิหร่านด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามสำคัญๆ ว่า ข้อตกลงหยุดยิงครั้งนี้จะได้ผลจริงหรือไม่สำหรับอิสราเอลกับอิหร่านที่ทำ “สงครามเงา” กันมานานหลายปี ก่อนที่สถานการณ์จะปะทุจนถึงขั้นมีการโจมตีทางอากาศโดยตรงในช่วง 12 วันที่ผ่านมา
อับบาส อารักชี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน แถลงเช้าวันนี้ (24) ว่า หากอิสราเอลยอมยุติปฏิบัติการอันก้าวร้าวต่อชาวอิหร่านภายใน 4.00 น. ตามเวลากรุงเตหะราน อิหร่านก็ไม่มีแผนที่จะยิงตอบโต้หลังจากนั้น
ก่อนหน้านั้นในวันจันทร์ (23) ทรัมป์ ประกาศว่าตนจะโน้มน้าวให้อิสราเอลยอมเดินไปสู่สันติภาพ หลังระบุว่าปฏิบัติการโจมตีฐานทัพอเมริกันในกาตาร์โดยอิหร่านไม่ได้ทำให้มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต แถมยังขอบคุณอิหร่านที่ “แจ้งล่วงหน้า” ด้วย
ทรัมป์ ยืนยันว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธทั้งหมด 14 ลูกเข้าไปยังฐานทัพสหรัฐฯ “ซึ่งเป็นการตอบโต้อันอ่อนปวกเปียกที่เราก็คาดหมายอยู่แล้ว และได้ตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพ”
ที่มา: รอยเตอร์