รัฐบาลจีนออกมาแถลงประณามประธานาธิบดี ไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวันว่าเสนอแนวคิด “นอกรีต” (heresy) แสดงความก้าวร้าว และยั่วยุ หลังจากที่ผู้นำไต้หวันได้กล่าวสุนทรพจน์ยืนยันว่า ไต้หวันคือ “ประเทศ” และมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจนที่จะยืนยันเรื่องนี้
ปักกิ่งยืนยันว่า เกาะไต้หวันถือเป็น “ดินแดนศักดิ์สิทธิ์” ของจีน และเป็นของจีนมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล และเกาะแห่งนี้ยังมีสถานะเป็นเพียง “มณฑล” หนึ่ง และไม่มีสิทธิที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นรัฐ
อย่างไรก็ตาม ไล่ และรัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของเขาปฏิเสธมุมมองนี้อย่างแข็งขัน และเสนอที่จะเจรจากับจีนมาแล้วหลายครั้งแต่ก็ถูกปฏิเสธเรื่อยมา เนื่องจากฝ่ายจีนถือว่า ไล่ เป็นพวกแบ่งแยกดินแดน
ในสุนทรพจน์บทแรกจากทั้งหมด 10 บทในชุดที่ชื่อว่า “สร้างความเป็นปึกแผ่นของประเทศ” ไล่ เอ่ยถึงความเป็นมาในประวัติศาสตร์ของเกาะไต้หวัน ซึ่งรวมถึงความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงนับพันปีระหว่างชนพื้นเมืองไต้หวันกับชาวออสโตรนีเซียนอื่นๆ เช่น ชนพื้นเมืองในฮาวาย เป็นต้น ทั้งนี้ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าพัฒนาการของไต้หวันนั้นถูกแยกและแตกต่างจากจีน
เขายังเอ่ยถึงประวัติศาสตร์ของไต้หวันที่ต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่นในช่วงปี 1895-1945 และภายใต้ราชวงศ์ชิงนั้นไต้หวันเคยถูกมองว่าเป็นมณฑลหนึ่งของจีนอยู่เพียง 8 ปีเท่านั้น
สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนได้ออกมาตอบโต้สุนทรพจน์ในวันอาทิตย์ (22) ของ ไล่ ชิงเต๋อ โดยกล่าวว่า ผู้นำไต้หวันรายนี้มีเจตนาบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อโปรโมตการเรียกร้องเอกราช และยืนยันว่า ไต้หวันไม่เคยมีสถานะเป็นประเทศมาก่อน
“นี่คือความพยายามประกาศเอกราชไต้หวันที่ยั่วยุไปสู่การเผชิญหน้าข้ามช่องแคบ และเป็นการผสมผสานระหว่างตรรกวิบัติและแนวคิดนอกรีตที่เต็มไปด้วยข้อผิดพลาดและการละเลยข้อเท็จจริงต่างๆ” คำแถลงของสำนักงานกิจการไต้หวันของจีนระบุ
“ตรรกะอันผิดเพี้ยนที่ ไล่ ชิงเต๋อ สร้างขึ้นมาซึ่งขัดแย้งกับประวัติศาสตร์ ข้อเท็จจริง และนิติศาสตร์ มีแต่จะถูกปัดเข้าไปรวมอยู่กับกองขยะในประวัติศาสตร์เท่านั้น”
ด้านสำนักงานกิจการแผ่นดินใหญ่ของไต้หวันไม่รอช้าออกมาตอบโต้ทันควันว่า สิ่งที่ ไล่ กล่าวนั้นล้วนแต่เป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ และความเชื่อของปักกิ่งที่ว่าเกาะนี้เป็นของจีนมาแต่โบราณและไม่เคยเป็นประเทศ “เป็นแค่คำโกหกที่จีนสร้างขึ้นมาโดยไร้พื้นฐานรองรับ”
“เราขอเรียกร้องให้พรรคคอมมิวนิสต์จีนกล้าเผชิญหน้ากับความเป็นจริงที่ว่า สาธารณรัฐจีนดำรงอยู่อย่างมีวัตถุประสงค์ และสถานะปัจจุบันของช่องแคบไต้หวันก็คือ สองฝ่ายไม่มีใครอยู่ภายใต้อาณัติของใคร” ถ้อยแถลงจากสำนักงานกิจการแผ่นดินใ
ในปี 1949 รัฐบาลสาธารณรัฐจีนได้หลบหนีไปยังไต้หวันหลังจากที่พ่ายแพ้สงครามกลางเมืองให้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตง และคำว่าสาธารณรัฐจีนยังคงถูกใช้เป็นชื่อทางการของไต้หวันเรื่อยมา
ไล่ ชิงเต๋อ ย้ำเสมอว่า อนาคตของไต้หวันมีเพียงประชาชนไต้หวันเท่านั้นที่จะตัดสินได้ และเนื่องจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เคยปกครองเกาะนี้มาก่อน จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะอ้างอธิปไตยหรือแสดงออกในนามของไต้หวันได้
ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ไต้หวันเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากจีนที่ยกระดับกิจกรรมทางทหารและการเมืองเพื่อบีบให้ไทเปยอมรับในอธิปไตย ซึ่งรวมไปถึงการซ้อมรบข่มขู่รอบเกาะหลายครั้ง
ที่มา: รอยเตอร์