ราคาน้ำมันร่วงลงกว่า 5 ดอลลาร์ในวันจันทร์(23มิ.ย.) หลังอิหร่านไม่ลงมือก่อความปั่นป่วนแก่เส้นทางการสัญจรเรือบรรทุกน้ำมันและก๊าซผ่านช่องแคบฮอร์มุซ อย่างไรก็ตามปัจจัยความตึงเครียดในตะวันออกกลางดันทองคำปิดลบ ส่วนวอลล์สตรีทขยับขึ้น จากแนวโน้มเฟดกำลังคิดปรับลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 5.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 68.51 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 5.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความเคลื่อนไหวในแดนลบในตลาดน้ำมันมีขึ้นหลังจากสื่อมวลชนแห่งรัฐของอิหร่าน เปิดเผยว่าเตหะรานยิงขีปนาวุธเข้าใส่ฐานทัพแห่งหนึ่งของอเมริกาในกาตาร์ ในจำนวนที่เท่ากับระเบิดที่สหรัฐฯหย่อนลงเล่นงานอิหร่านเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ ในความเคลื่อนไหวที่สำนักข่าวเอพีเชื่อว่าเป็นการส่งสัญญาณถึงคสามปรารถนาลดความตึงเครียด
ก่อนหน้าความเคลื่อนไหวแก้แค้น นักลงทุนคาดการณ์สถานการณ์ต่างๆนานา หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ แถลงในวันเสาร์(21มิ.ย.) ว่าอเมริกาโจมตีที่ตั้งนิวเคลียร์ 3 แห่งของอิหร่าน ในนั้นรวมถึงคำขู่ของเตหะราน ในเตือนว่าอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ คอขวดสำคัญสำหรับกระแสน้ำมัน
อย่างไรก็ตามราคาทองคำดีดตัวขึ้นในวันจันทร์(23มิ.ย.) ความตึงเครียดระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ยังคงเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ โดยราคาทองคำโคเม็กซ์ งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม เพิ่มขึ้น 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.30% ปิดที่ 3,395.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์(23มิ.ย.) ปิดในแดนบวก จากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนกรกฏาคม ซึ่งช่วยกลบความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ลุกลามบานปลายในตะวันออกกลาง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 374.96 จุด (0.89 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 42,581.78 เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 57.33 จุด (0.96 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 6,025.17 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 183.56 จุด (0.94 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 19,630.97 จุด
มิเชลล์ โบว์แมน รองประธานเฟดระบุในวันจันทร์(23มิย.) ถึงเวลาแล้วที่จะพิจารณาปรับเปลี่ยนนโยบาย ในขณะที่ความเสี่ยงของตลาดงานมีน้ำหนักมากกว่าความกังวลด้านเงินเฟ้ออันเนื่องจากมาตรการรีดภาษี ส่วน ออสตัน กูลส์บี ประธานเฟด บอกว่าเพราะฉะน้้น มาตรการรีดภาษีจึงส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจมากกว่าที่คาด
เวลานี้ตลาดการเงินคาดหมายว่าจะมีการปรับลดดอกเบี้ย 0.25% อีกอย่างร้อย 2 ครั้งภายในปีนี้ โดยหนแรกเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นในเดือนกันยายน
(ที่มา:รอยเตอร์)