เอเอฟพี - เลขาธิการยูเอ็นเตือน “วงจรการทำลายล้าง” และการแก้แค้นหลังอเมริกาโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ถือเป็นจุดเปลี่ยนอันตรายในตะวันออกกลาง ด้านอเมริกาหวั่นถูกแก้แค้น ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองอเมริกันทั่วโลกให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งอพยพพลเมืองออกจากอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ และสั่งเจ้าหน้าที่ทูตเดินทางออกจากอิรักและเลบานอน
แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นโดยย้ำการประณามสถานการณ์ความขัดแย้งทางทหารที่กำลังลุกลามในตะวันออกกลาง พร้อมเตือนว่า ประชาชนในภูมิภาคดังกล่าวไม่อาจรับวงจรการทำลายล้างได้อีก และขณะนี้มีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีการแก้แค้นตอบโต้กันไม่รู้จบ
ด้านราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) แถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงฯ ผ่านวิดีโอคอลล์โดยเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องอดกลั้น พร้อมแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มที่ความขัดแย้งนี้จะลุกลาม
กรอสซีเสริมว่า ขณะนี้ยังมีโอกาสในการกลับสู่แนวทางการทูตและการเจรจา แต่หากโอกาสนี้สิ้นสุดลง อาจเกิดความรุนแรงและการทำลายล้างในระดับที่คาดไม่ถึง และสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อาจล่มสลาย
ผู้อำนวยการไอเออีเอยังกล่าวอีกว่า มีแอ่งขนาดใหญ่ที่มองเห็นได้ที่บริเวณโรงงานนิวเคลียร์ฟอร์โดว์ของอิหร่าน ซึ่งบ่งชี้ว่า อเมริกาใช้ระเบิดที่มีอานุภาพในการเจาะทำลายสิ่งที่ฝังลึกอยู่ใต้ดิน แต่ยังไม่มีใครสามารถประเมินความเสียหายของโรงงานใต้ดินดังกล่าวได้
กรอสซียังคัดค้านการใช้อาวุธโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ เนื่องจากอาจทำให้สารกัมมันตรังสีรั่วไหลซึ่งจะส่งผลร้ายแรงมากภายในและนอกเขตแดนของประเทศที่ถูกโจมตี
ในวันอาทิตย์ รัสเซีย จีน และปากีสถานได้เผยแพร่ร่างญัตติเรียกร้องให้หยุดยิงในอิหร่านทันทีต่อสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ชาติอื่นๆ ซึ่งมีเนื้อหาประณามการโจมตีที่ตั้งและโรงงานนิวเคลียร์เพื่อสันติอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงฯ ยังมีความเห็นแตกต่างกันมาก โดยฝรั่งเศสและอังกฤษเรียกร้องให้อิหร่านใช้ความอดกลั้น ขณะที่แดนนี ดานอน เอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำยูเอ็น คัดค้านร่างญัตติของจีน รัสเซีย และปากีสถาน โดยยืนกรานว่า อเมริกาและอิสราเอลไม่สมควรถูกประณาม แต่ควรได้รับการยกย่องที่ทำให้โลกปลอดภัยมากขึ้น
อามีร์ ซาอิด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำยูเอ็น ได้ประณามต่อสหรัฐฯ ว่าก่อสงครามผิดกฎหมายกับอิหร่านภายใต้ข้ออ้างไร้แก่นสารที่ปั้นแต่งขึ้นมาว่า เพื่อขัดขวางไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
ขณะเดียวกัน กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกคำเตือนพลเมืองอเมริกันทั่วโลกเมื่อวันอาทิตย์ โดยระบุว่า ความขัดแย้งในตะวันออกกลางอาจส่งผลให้พลเมืองอเมริกันที่กำลังเดินทางหรือพำนักอยู่ในประเทศต่างๆ มีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากขึ้น
แถลงการณ์แจกแจงว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านส่งผลให้การเดินทางชะงักงัน และมีการปิดน่านฟ้าทั่วตะวันออกกลางเป็นระยะ และมีความเป็นไปได้ที่พลเมืองและผลประโยชน์ของอเมริกาในต่างแดนอาจถูกต่อต้าน ดังนั้น จึงแนะนำให้พลเมืองอเมริกันทั่วโลกใช้ความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า แถลงการณ์ฉบับนี้ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ไม่เอ่ยถึงการที่อเมริกาเข้าแทรกแซงความขัดแย้งในตะวันออกกลางด้วยการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อคืนวันเสาร์ (21 มิ.ย.) ซึ่งเตหะรานระบุว่า ทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่อาจแก้ไขได้
นอกจากนั้นในวันเสาร์ วอชิงตันยังเริ่มเที่ยวบินอพยพพลเมืองอเมริกันออกจากอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ รวมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทูตสหรัฐฯ เดินทางออกจากอิรักและเลบานอน