บรรดารัฐสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) มีมติเห็นพ้องกันในวันอาทิตย์ (22 มิ.ย.) ที่จะเพิ่มเป้าหมายการใช้จ่ายด้านการป้องกันประเทศเป็น 5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ตามที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เรียกร้อง ยกเว้นเพียง “สเปน” ซึ่งยืนยันว่ารัฐบาลมาดริดยังไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม เพียงไม่กี่วันก่อนถึงการประชุมสุดยอดผู้นำนาโตที่กรุงเฮก
เจ้าหน้าที่นาโตพยายามที่จะแสวงหาฉันทามติเกี่ยวกับคำแถลงร่วมในการประชุมสุดยอดเกี่ยวกับพันธกรณีการใช้จ่ายใหม่ให้ได้ก่อนการประชุมในวันพุธ (25) ทว่านายกรัฐมนตรี เปโดร ซานเชซ ของสเปนประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (19) ว่า เขาจะไม่ให้คำมั่นเกี่ยวกับเป้าหมายใช้จ่ายงบทางทหารถึง 5% ของ GDP
มาร์ก รึตเตอ เลขาธิการนาโต ได้เสนอให้กลุ่มพันธมิตรทางทหารบรรลุเป้าหมายใช้จ่ายงบป้องกันประเทศจาก 2% เป็น 3.5% ของ GDP และให้ใช้จ่ายเพิ่มอีก 1.5% สำหรับรายการที่เกี่ยวข้อง เช่น ความปลอดภัยทางไซเบอร์ รวมถึงการปรับปรุงถนนและสะพานให้สามารถรองรับยานพาหนะทางทหารได้
หลังจากที่บรรดานักการทูตได้ข้อตกลงประนีประนอมเมื่อวันอาทิตย์ (22) ซานเชซ ก็ประกาศอย่างรวดเร็วว่า สเปนไม่จำเป็นต้องบรรลุเป้าหมาย 5% เนื่องจากการใช้จ่ายงบทางทหารเพียง 2.1% ของ GDP ก็สามารถตอบสนองความต้องการหลักๆ ของนาโตได้แล้ว
“เราเคารพความปรารถนาอันชอบธรรมของประเทศอื่นๆ ที่จะเพิ่มการลงทุนในด้านการป้องกันประเทศอย่างเต็มที่ แต่เราจะไม่ทำเช่นนั้น” ซานเชซ กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ของสเปน
สเปนใช้งบประมาณด้านกลาโหมคิดเป็น 1.24% ของ GDP ในปี 2024 หรือประมาณ 17,200 ล้านยูโร (19,800 ล้านดอลลาร์) ตามการประมาณการของนาโต ซึ่งทำให้สเปนเป็นประเทศที่ใช้จ่ายงบทางทหารน้อยที่สุดในกลุ่มพันธมิตร เมื่อคิดตามสัดส่วนของผลผลิตทางเศรษฐกิจ
เจ้าหน้าที่นาโตย้ำว่า การเพิ่มงบใช้จ่ายด้านกลาโหมอย่างมีนัยสำคัญเพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่เพิ่มมากขึ้นจากรัสเซียคือสิ่งจำเป็น และเพื่อให้ยุโรปสามารถรับผิดชอบต่อความมั่นคงของตนเองได้มากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ ปรับนโยบายทางทหารไปมุ่งเล่นงาน “จีน”
ท่าทีของ ซานเชซ เสี่ยงที่จะทำให้เขาต้องเผชิญหน้าหรือปะทะคารมกับ ทรัมป์ ซึ่งมักกล่าวหาพวกประเทศในยุโรปว่าไม่ใช้จ่ายงบด้านกลาโหมเพียงพอ และขู่ว่าสหรัฐฯ จะไม่ปกป้องประเทศเหล่านั้นหากไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขด้านการใช้จ่าย
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20) ทรัมป์ กล่าวว่า สเปน "ต้องจ่ายในสิ่งที่คนอื่นจ่าย" และ มาดริด นั้น "ขึ้นชื่อลือชา" ว่าเป็นประเทศที่ใช้จ่ายงบด้านการทหารต่ำมาก
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ กลับอ้างว่า สหรัฐฯ เองไม่จำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามเป้าหมายที่ตนเองคาดหวังจากชาติอื่น เพราะที่ผ่านมาสหรัฐฯ ได้ใช้เงินจำนวนมากในการปกป้องยุโรปมาเป็นเวลานานแล้ว
ข้อมูลจากนาโต ระบุว่า วอชิงตันใช้งบประมาณราว 3.19% ของ GDP สำหรับการป้องกันประเทศในปี 2024
กระนั้นก็ดี ซานเชซ ยังคงเถียงคอเป็นเอ็นว่า สเปนไม่จำเป็นต้องทำตามเป้าหมาย 5% และการพยายามทำเช่นนั้นจะนำไปสู่ความจำเป็นในการหั่นงบประมาณรายจ่ายทางสังคมอย่างรุนแรง เช่น เงินบำนาญของรัฐ รวมไปถึงการขึ้นภาษีด้วย
ทั้งนี้ นาโต ยังไม่ได้เผยแพร่ร่างถ้อยแถลงประนีประนอม ซึ่งจะเป็นทางการก็ต่อเมื่อผ่านการลงนามรับรองโดยผู้นำทั้ง 32 ชาติสมาชิก
นักการทูตบางคนแย้มว่า ถ้อยแถลงดังกล่าวมีการเลือกใช้คำที่ไม่ผูกมัด โดยเปลี่ยนจากคำว่า “เราให้คำมั่น” (we commit) เป็นคำว่า “ชาติพันธมิตรให้คำมั่น” (allies commit) เพื่อเปิดทางให้สเปนสามารถอ้างได้ว่า คำมั่นสัญญานี้ไม่ได้เป็นการผูกมัดรัฐสมาชิกทุกประเทศ
เจ้าหน้าที่นาโตยังแสดงความสงสัยอยู่ว่า สเปนจะสามารถปฏิบัติตามเป้าหมายในการสร้างศักยภาพทางทหารที่นาโตต้องการได้ด้วยการใช้งบประมาณแค่ 2.1% ของ GDP จริงตามที่ ซานเชซ อ้างหรือไม่ เนื่องจากเป้าหมายต่างๆ นั้นถือเป็นความลับ และไม่มีหน่วยงานอิสระใดสามารถที่จะเข้าไปตรวจสอบต้นทุนที่แท้จริงได้
ที่มา: รอยเตอร์