จีนชี้ปฏิบัติการโจมตีฐานที่ตั้งโครงการนิวเคลียร์อิหร่านทำให้สหรัฐฯ หมดความน่าเชื่อถือในสายตาชาวโลก และปักกิ่งมีความกังวลว่าสถานการณ์อาจจะลุกลามบานปลายจน "ควบคุมไม่อยู่"
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าสหรัฐฯ ได้ทิ้งระเบิดทำลายโรงงานนิวเคลียร์หลัก 3 แห่งของอิหร่านจนย่อยยับ โดยร่วมมือกับอิสราเอลในปฏิบัติการโจมตีเตหะรานครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เกิดการปฏิวัติอิสลามในอิหร่านเมื่อปี 1979
คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้เปิดการประชุมด่วนในวันเสาร์ (21) ภายหลังจากที่อเมริกาลงมือทำลายที่ตั้งโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ขณะที่รัสเซีย จีน และปากีสถาน เสนอให้สมาชิกคณะมนตรีทั้ง 15 ชาติออกมติเรียกร้องให้มีการหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขทันทีในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ฟู่ ชง (Fu cong) เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น กล่าวว่าทุกฝ่ายจำเป็นต้อง "ระงับยับยั้งการใช้กำลัง หลีกเลี่ยงการกระพือความขัดแย้ง และการเติมเชื้อไฟ" ตามรายงานจากสถานีโทรทัศน์ CCTV เมื่อวานนี้ (22)
ฟู่ กล่าวว่า ทุกฝ่ายรวมถึงอิสราเอล "ควรหยุดยิงในทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์เลวร้ายไปกว่านี้ และหลีกเลี่ยงการขยายวงสงครามออกไป"
ทูตจีนผู้นี้ยังเตือนว่า อิหร่านเสียหายก็จริง "แต่ความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ ก็ถูกทำลายลงไปด้วย ทั้งในฐานะประเทศ และผู้มีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจาระหว่างประเทศ"
รายงานของ CCTV ที่ออกอากาศค่ำวานนี้ (22) ยังวิจารณ์การกระทำของสหรัฐฯ ว่าอันตรายและยั่วยุอย่างยิ่ง ขณะที่หนังสือพิมพ์โกลบอลไทม์สได้ตีพิมพ์บทบรรณาธิการระบุว่า การใช้กำลังทหารจากภายนอกเข้าแทรกแซงไม่เคยนำมาซึ่งสันติภาพ และ "มีแต่จะยิ่งสร้างความเกลียดชัง และความเจ็บปวดร้าวลึกในภูมิภาค"
ด้านสถานทูตจีนประจำอิหร่านแถลงเมื่อค่ำวานนี้ (22) ว่า พลเมืองจีนส่วนใหญ่ในอิหร่านได้รับการอพยพออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ส่วนผู้ที่ยังอยู่ก็ไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงสูง
ที่มา: รอยเตอร์