Here's how Iran could retaliate after US strikes on its nuclear program
By JOSEPH KRAUSS and JON GAMBRELL Associated Press
22/06/2025
อิหร่านใช้เวลาหลายทศวรรษในการสร้างสมรรถนะทางทหารแบบมีหลายชั้นทับซ้อนกัน ทั้งภายในบ้านตัวเองและตลอดทั่งทั้งภูมิภาค โดยมีจุดมุ่งหมายอย่างน้อยก็ส่วนหนึ่งเพื่อป้องปรามไม่ให้สหรัฐฯโจมตีตน แต่จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัดสินใจนำสหรัฐฯเข้าไปร่วมในสงครามของอิสราเอล วอชิงตันก็อาจจะเพิ่งรื้อถอนหลักเหตุผลข้อสุดท้ายที่ได้เคยคอยเหนี่ยวรั้งเตหะรานเอาไว้ให้ยังไม่คิดที่จะออกหมัดให้เต็มที่
ความพร้อมที่จะปล่อยอาวุธกันอย่างไม่มีกั๊กเช่นนี้ อาจหมายถึงระลอกการโจมตีใส่กองทหารสหรัฐฯที่ตั้งประจำอยู่ในตะวันออกกลาง, ความพยายามที่จะปิดตายคอขวดสำคัญบนเส้นทางลำเลียงน้ำมันของโลก, หรือการเร่งรุดพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ด้วยสิ่งที่ยังเหลืออยู่ของโครงการของอิหร่าน หลังจากฝ่ายอเมริกันถล่มโจมตีสถานที่ตั้งสำคัญ 3 แห่งไปแล้ว
หากอิหร่านตัดสินใจตอบโต้แก้แค้นสหรัฐฯและพวกพันธมิตรของอเมริกันในภูมิภาคแถบนี้ มันก็จะทำให้เตหะรานมีเป้าหมายให้เลือกเล่นงานได้อย่างมากมายกว้างขวางยิ่งกว่าเดิมมาก แถมยังเป็นเป้าหมายที่ใกล้กว่าการหาทางเข้าโจมตีอิสราเอลโดยตรงอีกด้วย จึงเปิดช่องให้เตหะรานใช้ศักยภาพด้านขีปนาวุธและด้านโดรนที่มีอยู่อย่างทรงประสิทธิภาพมากขึ้น แน่นอนทีเดียว สหรัฐฯกับอิสราเอลนั้นยังคงมีสมรรถนะที่เหนือชั้นกว่าอย่างมากมายห่างไกลมาก ทว่าเมื่อพิจารณาจากประวัติศาสตร์แห่งการเข้าแทรกแซงทางทหารในภูมิภาคนี้ของอเมริกาในระยะใกล้ๆนี้แล้ว นี่ก็ไม่ใช่ปัจจัยที่สามารถเป็นตัวตัดสินชี้ขาดเสมอไป
ตั้งแต่ที่อิสราเอลเริ่มต้นสงครามนี้ขึ้นมาด้วยการถล่มโจมตีทางอากาศแบบเซอร์ไพรซ์เข้าใส่สถานที่ตั้งทางทหารและทางนิวเคลียร์ของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา พวกเจ้าหน้าที่อิหร่านตั้งแต่ผู้นำสูงสุดลงมา ต่างเรียงหน้ากันออกมาเตือนสหรัฐฯให้อยู่เฉยๆ อย่าเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย โดยระบุว่าหากไม่ยอมเชื่อ มันจะทำให้เกิดผลพวงตอเนื่องอย่างเลวร้ายยิ่งสำหรับทั่วทั้งภูมิภาคนี้
อีกไม่ช้าไม่นาน ก็คงจะมีความชัดเจนมากขึ้นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการข่มขู่อันว่างเปล่า หรือว่าเป็นคำทำนายอันเลวร้ายที่ขึงขังจริงจังกันแน่
ต่อไปนี้คือสิ่งที่อาจจะเป็นการเดินหมากก้าวต่อไปของอิหร่าน
พุ่งเป้าปิดช่องแคบฮอร์มุซ
ช่องแคบฮอร์มุซ เป็นปากประตูแคบๆ บนเส้นทางเข้าสู่อ่าวเปอร์เซีย ซึ่งมีน้ำมันราวๆ 20% ของที่ซื้อขายกันในทั่วโลกเดินทางผ่าน โดยจุดส่วนแคบที่สุดนั้นมีความกว้างเพียงแค่ 33 กิโลเมตรเท่านั้น หากมีการสะดุดติดขัดอะไรขึ้นมาที่ช่องแคบแห่งนี้ มันก็สามารถส่งให้ราคาน้ำมันพุ่งพรวดในทั่วโลก รวมทั้งกระทบกระเทือนรายรับรายจ่ายของชาวอเมริกันด้วย
อิหร่านนั้นคุยว่ามีทั้งกองเรือลำเล็กๆ แต่บุกโจมตีได้อย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว และทุ่นระเบิดทางนาวีอีกเป็นพันๆ หมื่นๆ ลูก ซึ่งสามารถทำให้ช่องแคบแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ผ่านไปมาไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ภายในระยะเวลาหนึ่ง นอกจากนั้นอิหร่านยังสามารถยิงจีปนาวุธจากชายฝั่งอ่าวเปอร์เซียอันยาวเหยียดของตน แบบเดียวกับที่พันธมิตรของพวกเขา คือพวกกบฎฮูตีในเยเมน กำลังกระทำอยู่ในทะเลแดง
สหรัฐฯ ซึ่งมีกองเรือที่ 5 ตั้งประจำอยู่ใกล้ๆ นั่นคือที่ บาห์เรน ได้ให้สัญญามานานแล้วว่าจะธำรงรักษาเสรีภาพในการเดินเรือในช่องแคบแห่งนี้ และจะตอบโต้เล่นงานผู้ขัดขวางด้วยกองกำลังที่เหนือชั้นกว่านักหนา ทว่ากระทั่งการสู้รบพันตูกันเพียงช่วงเวลาค่อนข้างสั้น มันก็สามารถทำให้การจราจรของเรือเดินทะเลในบริเวณนี้กลายเป็นอัมพาต และทำให้พวกนักลงทุนหวาดผวา เป็นสาเหตุให้ราคาน้ำมันทะยานลิ่ว และสร้างแรงบีบคั้นนานาชาติพื่อให้มีการหยุดยิงกัน
โจมตีพวกฐานทัพสหรัฐฯและบรรดาพันธมิตรของสหรัฐฯในภูมิภาค
สหรัฐฯมีทหารหลายหมื่นคนประจำอยู่ในภูมิภาคนี้ รวมทั้งตามฐานทัพถาวรทั้งใน คูเวต, บาห์เรน, กาตาร์, และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) โดยที่พวกประเทศอาหรับเหล่านี้ต่างอยู่ริมอ่าว ห่างจากอิหร่านเพียงแค่คนละฟากของอ่าวเปอร์เซียเท่านั้น –ใกล้กว่าจากอิหร่านไปยังอิสราเอลตั้งเยอะแยะ
ฐานทัพเหล่านี้คุยว่ามีระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ซับซ้อนละเอียดอ่อนชนิดเดียวกันกับที่อิสราเอลมีอยู่ ทว่ามันก็จะมีเวลาเตือนภัยล่วงหน้าน้อยกว่ากันมาก ก่อนที่ระลอกขีปนาวุธหรือฝูงโดรนติดอาวุธจะพุ่งเข้ามาถึง อันที่จริงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา กระทั่งอิสราเอลซึ่งอยู่ห่างไกลออกไปอีกหลายร้อยกิโลเมตร ก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งขีปนาวุธหรือโดรนทั้งหมดที่ฝ่ายอิหร่านประเคนใส่เข้ามาได้
อิหร่านยังสามารถที่จะเลือกเข้าโจมตีพวกสิ่งปลูกสร้างด้านน้ำมันและก๊าซแห่งสำคัญๆ ในประเทศเหล่านี้ ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้สหรัฐฯต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงลิ่วยิ่งขึ้นสำหรับการเข้ามาเกี่ยวข้องพันพัวกับสงครามนี้ ทั้งนี้กรณีโดรนลำหนึ่งเข้าโจมตีสถานที่ตั้งด้านน้ำมันแห่งใหญ่ 2 แห่งในซาอุดีอาระเบียเมื่อปี 2019 –โดยที่พวกฮูตีอ้างว่าเป็นฝีมือการกระทำของตน ทว่าผู้ที่ถูกประณามอย่างกว้างขวางว่าเป็นตัวการคืออิหร่าน— ได้ตัดทอนการผลิตน้ำมันของราชอาณาจักรแห่งนี้ลงมาครึ่งหนึ่งทีเดียวแม้จะเป็นระยะเวลาแค่สั้นๆ
ระดมพลพวกพันธมิตรในภูมิภาค
สิ่งที่เรียกกันว่า “กลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน” (Axis of Resistance) ของอิหร่าน ซึ่งหมายถึงเครือข่ายของกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่อิหร่านกลุ่มต่างๆ ที่มีกระจัดกระจายไปทั่วตะวันออกกลาง เวลานี้อาจจะเหลือเพียงแค่เงาของสิ่งที่มันเคยเป็นอยู่ ในช่วงก่อนสงครามที่จุดชนวนโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2023 ด้วยการยกกำลังออกจากฉนวนกาซาเข้าโจมตีบริเวณภาคใต้ของอิสราเอล --กระนั้น มันก็ยังคงมีสมรรถนะที่น่าเกรงขามเหลืออยู่บางส่วน
การทำสงครามในกาซาเป็นเวลายาวนาน 20 เดือนของอิสราเอล ได้กำจัดกวาดล้างกลุ่มฮามาสและกลุ่มอิสลามมิกญิฮาด ซึ่งต่างเป็นกองกำลังของชาวปาเลสไตน์ในกาซาไปอย่างหนักหน่วง นอกจากนั้นอิสราเอลยังเล่นงานกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนจนเดี้ยงในช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยสามารถสังหารคณะผู้นำระดับท็อปเกือบทั้งหมดของพวกเขา และก่อความหายนะขึ้นในพื้นที่จำนวนมากของภาคใต้เลบานอนซึ่งเป็นฐานของกองกำลังนี้ จนไม่น่าจะเข้ามาเกี่ยวข้องอะไรในอีกอย่างน้อยก็ในระยะใกล้ๆ นี้
ทว่าอิหร่านยังคงสามารถเรียกระดมพวกฮูตี ผู้ซึ่งได้ข่มขู่คุกคามอยู่แล้วว่าจะฟื้นคืนการโจมตีเล่นงานเรือในทะเลแดงขึ้นมาอีก หากสหรัฐฯเข้าสู่สงคราม อีกจุดหนึ่งก็คือพวกกองกำลังท้องถิ่นในอิรักที่เป็นพันธมิตรกับอิหร่าน ทั้ง 2 กลุ่มนี้ต่างมีสมรรถนะทั้งในเรื่องโดรนและขีปนาวุธ ซึ่งเปิดทางให้พวกเขาเล็งเป้าหมายใส่ผลประโยชน์ของสหรัฐฯและพวกพันธมิตร
นอกจากนั้น อิหร่านยังอาจจะหาทางตอบโต้ด้วยการใช้กองกำลังอาวุธเปิดการโจมตีในสถานที่ไกลๆ ออกไป อย่างที่อิหร่านและกลุ่มฮิซบอลเลาห์ได้ถูกกล่าวหาอย่างกว้างขวางว่ากระทำเช่นนี้เมื่อช่วงทศวรรษ 1990 ด้วยการเข้าโจมตีศูนย์ชุมชนชาวยิวแห่งหนึ่งในอาร์เจนตินา
เร่งรุดติดอาวุธนิวเคลียร์
อาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายๆ วันหรือกระทั่งหลายๆ สัปดาห์ กว่าจะทราบกันว่าการโจมตีของสหรัฐฯใส่สถานที่ทางนิวเคลียร์ของอิหร่านคราวนี้ได้ผลอย่างไรบ้าง
แต่พวกผู้เชี่ยวชาญได้เตือนกันมานานแล้วว่า กระทั่งการร่วมกันโจมตีของสหรัฐฯและอิสราเอล ก็จะเพียงแค่ชะลอความสามารถของอิหร่านในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์เท่านั้น ไม่สามารถที่จะกำจัดศักยภาพดังกล่าวนี้ได้อย่างสิ้นเชิง นี่ก็เพราะอิหร่านได้มีการกระจายโครงการของตนไปตั้งตามสถานที่ต่างๆ หลายแห่งทั่วประเทศ รวมทั้งพวกสถานที่ใต้ดินซึ่งยากลำบากแก่การเข้าโจมตี
อิหร่านน่าที่จะดิ้นรนใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อซ่อมแซมหรือสร้างโครงการนิวเคลียร์ของตนขึ้นมาใหม่ ขณะที่เครื่องบินรบอิสราเอลและสหรัฐฯยังคงบินวนเวียนจ้องหาทางทำลายอยู่เหนือหัว กระนั้น เตหะรานยังคงอาจตัดสินใจยุติสิ้นสุดความร่วมมือกับทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) และถอนตัวออกจากสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์
เกาหลีเหนือนั้นประกาศถอนตัวออกจากสนธิสัญญาฉบับนั้นเมื่อปี 2003 และได้ทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในอีก 3 ปีต่อมา ถึงแม้โสมแดงมีเงื่อนไขดีกว่าตรงที่มีเสรีภาพในการพัฒนาโครงการของตนโดยไม่ถูกลงโทษด้วยการโจมตีทางอากาศ
อิหร่านนั้นยืนยันเรื่อยมาว่าโครงการนิวเคลียร์ของตนมีจุดประสงค์ในทางสันติ ถึงแม้เป็นเพียงรัฐที่ปลอดอาวุธนิวเคลียร์เพียงรัฐเดียวที่ดำเนินการเพิ่มสมรรถนะยูเรเนียมให้สูงขึ้นไปจนถึงระดับ 60% ห่างไม่เยอะเลยจากระดับ 90% ซึ่งในทางเทคนิคถือกันว่าเป็นระดับที่สามารถนำเอาไปทำอาวุธปรมาณูได้ พวกหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯและไอเออีซี ซึ่งเป็นองค์กรชำนัญพิเศษของสหประชาชาติ ต่างประเมินกันว่า อิหร่านไม่ได้มีโครงการนิวเคลียร์ทางทหารแบบเป็นเรื่องเป็นราวมาตั้งแต่ปี 2003 แล้ว
อิสราเอลนั้นเป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นรัฐเดียวในตะวันออกกลางเวลานี้ที่มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง ทว่าไม่เคยยอมรับว่าตนเองมีอาวุธมหาประลัยดังกล่าว
(ที่มา: เอพี https://apnews.com/article/israel-iran-attacks-retaliation-targets-mideast-wars-63ccbe43d83cf3cc7faf3fc4b37e6333)