ท่ามกลางรายงานข่าวต่างๆนานาจากสื่อมวลชนไทย ที่วาดภาพกัมพูชาว่าเป็น "ศุูนย์กลางอาชญากรรมทางไซเบอร์หลัก" ทางพนมเปญโพสต์ รุดออกมาตอบโต้ ระบุเมื่อวันเสาร์(21มิ.ย.) อ้างอิงสารคดีเชิงลึกของสำนักข่าวชาแนล นิวส์ เอเชีย(ซีเอ็นเอ) ที่ให้คำจำกัดความ ไทย ว่ามีบทบาทสำคัญ ในฐานะจุดส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์เข้าสู่ศูนย์สแกมเมอร์ทั้งหลายทั่วภูมิภาค ความเคลื่อนไหวตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ในความขัดแย้งที่ลุกลามบานปลายอันเนื่องจากประเด็นพิพาทชายแดน
รายงานของพนมเปญโพสต์ระบุว่าในขณะที่การฉ้อโกงทางออนไลน์ ในนั้นรวมถึงกลโกงแบบ pig butchering (การหลอกแบบขุนหมูและเชือด หรือกลโกงที่มิจฉาชีพหลอกลวงเหยื่อโดยการสร้างความสัมพันธ์อันใกล้ชิดผ่านช่องทางออนไลน์ สร้างความเชื่อใจก่อนหลอกเอาเงินไป) กำลังแพร่ระบาดไปทั่วภูมิทัศน์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สถานะของไทยในฐานะศูนย์กลางสำคัญในการส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์ ภายใต้คำอวดอ้างว่าเป็นโอกาสในการหางาน ได้ถูกพินิจพิเคราะห์อย่างเข้มข้น
พนมเปญโพสต์ ระบุว่าเหยื่อ ที่บ่อยครั้งถูกล่อลวงจากคำสัญญามีตำแหน่งงานที่ให้ผลตอบแทนงดงาม ถูกขนส่งผ่านไทย ก่อนลักลอบเข้าไปยังประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่าและกัมพูชา ดินแดนที่พวกเขาถูกบีบให้เข้าร่วมแผนการฉ้อโกงต่างๆนานา ที่โกงเงินหลายพันล้ายดอลลาร์จากเหยื่อทั่วโลก
ตามรายงานของพนมเปญโพสต์ ระบุว่าคดีที่โด่งดังที่สุดคือ Xiao Hao ชาวเรือคนหนุ่มรายหนึ่งจากมณฑลซานตง ประเทศจีน เขาได้รับคำสัญญาว่าจ้างงานบนเรือลำหนึ่งที่เข้าเทียบท่าในไทย ก่อนถูกพาตัวเข้าไทยและจากนั้นก็ถูกบังคับให้ลักลอบข้ามชายแดนเข้าไปยังพม่า
"แทนที่จะถูกพาไปกรุงเทพฯ แต่ Xiao ถูกพาตัวไปยังจังหวัดตาก จังหวัดตามแนวชายแดนซึ่งขึ้นเชื่อว่าเป็นจุดส่งต่อ ที่พวกลักลอบค้ามนุษย์ใช้ลักลอบพาตัวเหยื่ออย่างเขาเข้าไปยังพม่า ดินแดนที่เขาถูกขัง ทรมาน บีบบังคับให้ฉ้อโกงเป้าหมายเหยื่อทั่วโลก" พนมเปญโพสต์รายงานอ้างสารคดีของชาแนล นิวส์ เอเชีย ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน
รายงานของพนมเปญโพสต์ ระบุว่าข้อเท็จจริงที่อยู่เบื้องหลังของคดีต่างๆเช่นนี้ เน้นย้ำว่าเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นที่ยุ่งยากซับซ้อน โดยแม้ไทยไม่ได้เป็นแหล่งกบดานโดยครงของพวกปฏิบัติการฉ้อโกงเหล่านี้ แต่พวกเขาอยู่ในฐานะขั้นตอนที่จำเป็นในขบวนการค้ามนุษย์และเครือข่ายสแกมเมอร์
แม้ไทยมีความพยายามควบคุมการแผ่ลามของอาชญากรรมเหล่านี้ ในนั้นรวมถึงการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในปฏิบัติการไตรภาคีร่วมกับจีนและพม่า และตัดทรัพยากรที่ป้อนสู่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ตามแนวชายแดนไทย-พม่า แต่ประสิทธิผลของมันยังคงตกอยู่ในเครื่องหมายคำถาม
สหประชาชาติคาดหมายว่ามีผู้คนราวๆ 120,000 ราย ถูกลักลอบค้ามนุษย์เข้าไปยังศูนย์สแกมเมอร์ต่างๆในพม่า และอีกราวๆ 100,000 คน ในกัมพูชา โดยบ่อยครั้งเหยื่อเหล่านี้ถูกลำเลียงผ่านไทย ซึ่งมันยิ่งก่อความยุ่งยากซับซ้อนมากขึ้นแก่ประเทศแห่งนี้
พนมเปญโพสต์อ้างอ้างคำกล่าวของดร.รัชดา ไชยคุปต์ สมาชิกคณะกรรมการต่อต้านการค้ามนุษย์แห่งชาติของไทย ที่ให้สัมภาษณ์กับชาแนลนิวส์เอเชีย ระบุว่าภูมิภาคสวมเหลี่ยมทองคำ ซึ่งประกอบด้วยไทย พม่าและลาว เป็นล่อแหลมของการผลิตยาเสพติดมาช้านาน แต่ตอนนี้มันแผ่ขยายเข้าสู่การเป็นที่ตั้งของปฏิบัติการฉ้อโกง(สแกม) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เพราะฉะนั้น ไทย ที่อยู่ในฐานะศูนย์ส่งต่อสำคัญในการค้ามนุษย์ที่ผิดกฎหมายนี้ จึงทำให้ ไทย ต้องเจอกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติมากกว่าเดิม แม้กำลังใช้มาตรการต่างๆจัดการกับการค้ามนุษย์ก็ตาม
ในส่วนของพวกเจ้าหน้าที่กัมพูชา อ้างว่าบ่อยครั้งที่กัมพูชาตกเป็นเหยื่อของเครือข่ายอาชญากรรมต่างชาติ และไม่ได้เป็นผู้กระทำผิดใดๆ
Seang Thearith รองผู้บัญชาการตำรวจ ส่งเสียงประณามต่อการวาดภาพกัมพูชาในแง่ลบ ชี้ว่าพวกผู้กระทำผิดส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่แสวงหาประโยชน์จากชายแดนกัมพูชา และการขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีในการปฏิบัติการ
พวกเจ้าหน้าที่กัมพูชาบอกว่าพวกเขาได้ยกระดับความพยายามต่อสู้กับการค้ามนุษย์ เสริมความเข้มแข็งด้านความมั่นคงทางชายแดน ยกระดับการฝึกฝนพวกเจ้าหน้าที่คนเข้าเมือง และใช้เทคโนโลยีติดตามความเคลื่อนไหวข้ามชายแดน "เครือข่ายอาชญากรรมบ่อยครั้งเป็นเครือข่ายข้ามชาติ และพวกฉ้อโกงทางออนไลน์ไม่ได้มีถิ่นพำนักหลักๆในกัมพูชา" Thearith กล่าวอ้าง
Thearith บอกว่าคนเหล่านี้มาจากประเทศอื่นๆ และมันเป็นเรื่องจำเป็นที่ประเทศเหล่านั้นต้องทำหน้าที่ของตนเอง ในการขัดขวางพลเมืองของตนเองจากการเข้าร่วมอาชญากรรมนี้
ถ้อยแถลงนี้เป็นไปในทิศทางเดียวกับ Chou Bun Eng รองประธานคณะกรรมาธิการแห่งชาติด้านต่อต้านการค้ามนุษย์ ที่ปฏิเสธคำกล่าวอ้างว่ากัมพูชาได้ประโยชน์จากปฏิบัติการสแกม "อาชญากรรมเหล่านี้ทำร้ายเศรษฐกิจของเรา และทำชื่อเสียงของเราในระดับนานาชาติแปดเปื้อน ไม่มีรัฐบาลไหนต้องการดึงดูดกิจกรรมอาชญากรรมลักษณะนี้"
(ที่มา:พนมเปญโพสต์/mgronline.com)