อิหร่านยิงขีปนาวุธลูกหนึ่งเข้าไปยังอิสราเอลเมื่อวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ซึ่งปลดปล่อยระเบิดลูกเล็กๆ กระจัดกระจายออกมาโดยมุ่งหวังให้มีพลเรือนสูญเสียชีวิตมากที่สุด ตามคำกล่าวอ้างของกองทัพอิสราเอลและสถานทูตอิสราเอลประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีรายงานการใช้ระเบิดลูกปราย หรือระเบิดพวง (cluster bombs) ในสงครามระหว่าง 2 ชาติที่ยืดเยื้อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2
“วันนี้ กองทัพอิหร่านได้ยิงขีปนาวุธที่มีกระสุนคลัสเตอร์ลูกเล็กๆ ไปตกในเขตที่มีพลเรือนหนาแน่นของอิสราเอล” สถานทูตอิสราเอลระบุในอีเมลที่ส่งถึงรอยเตอร์ แต่ไม่บอกว่าเป็นพื้นที่ใด
“ระเบิดลูกปรายนั้นถูกออกแบบมาให้กระจายเป็นวงกว้าง เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างความเสียหายให้มากที่สุด” เนื้อความในอีเมลระบุ “อิหร่านจงใจยิงอาวุธดังกล่าวเข้าสู่ใจกลางชุมชนอย่างผิดกฎหมาย และตั้งใจทำให้พลเรือนบาดเจ็บล้มตายมากที่สุดด้วยการใช้ระเบิดลูกปราย”
คณะทูตอิหร่านประจำองค์การสหประชาชาติยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้
สื่ออิสราเอลอ้างข้อมูลจากกองทัพซึ่งระบุว่า หัวรบของขีปนาวุธได้แตกออกที่ระดับความสูง 7 กิโลเมตร และปลดปล่อยระเบิดลูกเล็กๆ ประมาณ 20 ลูกกระจัดกระจายในรัศมีราว 8 กิโลเมตรทางตอนกลางของอิสราเอล
ระเบิดลูกหนึ่งไปตกใส่บ้านของประชาชนที่เมืองอาซอร์ (Azor) ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายบางส่วน ตามรายงานของ เอมานูเอล ฟาเบียน ผู้สื่อข่าวสายทหารของไทม์สออฟอิสราเอล ทว่ายังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากระเบิดลูกนี้
ระเบิดลูกปรายนั้นถือเป็นอาวุธร้ายแรงที่หลายชาติไม่ยอมรับ เนื่องจากปลดปล่อยระเบิดลูกเล็กๆ กระจัดกระจายกินวงกว้าง ซึ่งระเบิดบางลูกที่ไม่ทำงานอาจจะฝังอยู่ในดิน และทำให้ผู้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องเสียชีวิตหรือพิการหลังจากที่สงครามจบสิ้นไปนานแล้ว
ดารีล คิมบอลล์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมควบคุมอาวุธ (Arms Control Association) ระบุว่า “มันเป็นอาวุธที่เลวร้ายที่สามารถสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกทำไปใช้ในเขตชุมชน และอาจทำให้มีระเบิดตกค้างอยู่หลังจากสงครามจบ”
เขาย้ำว่า ขีปนาวุธของอิหร่านอาจจะไม่แม่นยำก็จริง ทว่าเตหะรานต้องตระหนักดีว่าระเบิดลูกปรายนั้น “อาจจะไปถูกเป้าหมายพลเรือนมากกว่าเป้าหมายทางทหาร”
ทั้งอิหร่านและอิสราเอลต่างปฏิเสธที่จะเข้าร่วมอนุสัญญาว่าด้วยระเบิดลูกปรายปี 2008 ซึ่งเป็นสนธิสัญญานานาชาติที่ห้ามการผลิต สะสม เคลื่อนย้าย หรือใช้ระเบิดลูกปราย โดยปัจจุบันมี 111 ประเทศและ 12 องค์กรให้การลงนาม
หลังจากที่ผ่านการอภิปรายถกเถียงอย่างดุเดือด สหรัฐฯ ในปี 2023 ได้ตัดสินใจส่งกระสุนลูกปรายให้ยูเครนใช้โจมตีกองกำลังรัสเซีย ขณะที่ยูเครนนั้นอ้างว่าฝ่ายรัสเซียก็ใช้กระสุนประเภทนี้เช่นเดียวกัน
ที่มา: รอยเตอร์