ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะนำสหรัฐฯ เข้าร่วมในสงครามอิสราเอล-อิหร่านหรือไม่ ตามรายงานจากทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (19 มิ.ย.) ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้อิหร่านต้องยอมเข้าสู่โต๊ะเจรจา
แคโรไลน์ ลีวิตต์ โฆษก ทำนียบขาว อ้างข้อความจาก ทรัมป์ ซึ่งระบุว่า "สืบเนื่องจากข้อเท็จจริงที่ว่า มีโอกาสมากพอสมควรที่การเจรจากับอิหร่านจะเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ในอนาคตอันใกล้นี้ ผมจึงจะตัดสินใจภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้าว่าจะเดินหน้าไปต่อหรือไม่"
ทรัมป์ ปล่อยให้ทั่วโลกคาดเดาไปต่างๆ นานาเกี่ยวกับแผนของเขา โดยเปลี่ยนอย่างรวดเร็วจากการเจรจาทางการทูตไปสู่การข่มขู่ว่าสหรัฐฯ อาจจะร่วมมือกับอิสราเอลบดขยี้อิหร่าน
เขายังโพสต์โซเชียลมีเดียข่มขู่ว่าจะสังหาร อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ก่อนจะเรียกร้องให้อิหร่านต้องยอมจำนนแบบไม่มีเงื่อนไข
คำข่มขู่เหล่านี้ยังสร้างรอยร้าวในหมู่ผู้สนับสนุน ทรัมป์ เอง ซึ่งมีทั้งพวกรีพับลิกันสายเหยี่ยวดั้งเดิมกับกลุ่มที่ไม่นิยมให้สหรัฐฯ เข้าไปพัวพันสงครามนอกประเทศ
กระนั้นก็ตาม นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วง 5 เดือนหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ขีดเส้นตายมาแล้วหลายเรื่อง ตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน เรื่อยมาจนถึงการบังคับให้ชาติต่างๆ ต้องเจรจาข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ใหม่เพื่อให้รอดพ้นจากอัตราภาษีตอบโต้ของเขา เป็นต้น ทว่าสุดท้ายก็ยอมระงับหรือเลื่อนกำหนดเส้นตายออกไป
"ผมคิดว่าการทำสงครามกับอิหร่านเป็นความคิดที่โง่มาก แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องเวลา 2 สัปดาห์นี่หรอก" ส.ว. คริส เมอร์ฟีย์ จากพรรคเดโมแครตโพสต์ข้อความผ่าน X
"เขาเคยใช้มันมาแล้วเป็นล้านครั้งเพื่อแสร้งให้คนเดาว่าเขาอาจจะทำหรือไม่ทำอะไร มันมีแต่จะทำให้อเมริกาดูอ่อนแอและโง่เขลา"
ลีวิตต์ ระบุในงานแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ทรัมป์ ยังคงสนใจที่จะใช้วิธีทางการทูตกับอิหร่าน แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาคือจะต้องไม่ให้อิหร่านครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และข้อตกลงใดๆ ก็ตามจะต้องปิดกั้นการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในอิหร่าน เพื่อทำลายศักยภาพของเตหะรานในการผลิตอาวุธนิวเคลียร์
โฆษกหญิงผู้นี้ปฏิเสธที่จะตอบว่า ทรัมป์ จะขอความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อนโจมตีอิหร่านหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมามีสมาชิกพรรคเดโมแครตหลายคนออกมาแสดงความวิตกกังวลต่อรายงานของ CBS และสื่ออีกหลายเจ้าที่ระบุว่า ทรัมป์ ได้เซ็นอนุมัติแผนโจมตีอิหร่านไปแล้วโดยไม่ผ่านสภาคองเกรส ซึ่งเป็นหน่วยงานเดียวที่มีอำนาจในการประกาศสงคราม
ที่มา: รอยเตอร์