ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประกาศคงดอกเบี้ยที่ 4.25-4.50% ติดต่อกันเป็นครั้งที่ 4 ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (เอฟโอเอ็มซี) เมื่อวันพุธ (18 มิ.ย.) โดยที่คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าอัตราเงินเฟ้อกำลังขยับขึ้นแต่การเติบโตชะลอลง เนื่องจากภาษีศุลกากรของทรัมป์เริ่มส่งผล บวกกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ด้านประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ แถลงยืนยัน เฟดตัดสินใจอย่างเป็นกลางและอิงกับการวิเคราะห์ที่ไม่ฝักใฝ่การเมือง กระนั้น โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ก่นด่าประธานเฟดที่เขาไม่พอใจมานานว่า โง่ ทำให้อเมริกาเสียหายเป็นพันล้าน
ประธาน พาวเวลล์ แถลงต่อผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอฟโอเอ็มซีเป็นเวลา 2 วันว่า เฟดจะตัดสินใจได้ดีขึ้นและฉลาดขึ้นหากรอดูผลกระทบจากภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีต่อภาวะเงินเฟ้อ การใช้จ่าย และการจ้างงานอีก 2-3 เดือน ซึ่งเท่ากับเป็นการส่งสัญญาณว่า การปรับดอกเบี้ยครั้งต่อไปอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง
ทั้งนี้วันพุธ เฟดประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นโยบาย เฟด ฟันด์ส เรต ไว้ที่ 4.25-4.50% และย้ำการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
อย่างไรก็ดี ที่ประชุมเฟดเริ่มมีความเห็นต่างกันมากขึ้น โดยเสียงเกินกึ่งหนึ่งเล็กน้อยคาดว่า เฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย
การตัดสินใจล่าสุดของเฟดสร้างความขุ่นเคืองอย่างยิ่งต่อทรัมป์ ที่พยายามกดดันเฟดไม่หยุดยั้งเพื่อให้ลดดอกเบี้ย โดยผู้นำสหรัฐฯ โพสต์บนแพลตฟอร์มทรูธ โซเชียลของตนเองว่า พาวเวลล์ “แย่ที่สุด” และ “ไม่รู้เรื่องรู้ราวและทำให้อเมริกาเสียหายเป็นพันล้านดอลลาร์!”
ก่อนที่เฟดจะเริ่มประชุมหลายชั่วโมง ทรัมป์ยังพูดกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า “เรามีคนโง่ที่เฟด อเมริกาไม่มีปัญหาเงินเฟ้อ มีแต่ความสำเร็จ ผมอยากเห็นดอกเบี้ยปรับลดลง หรือผมควรไปที่เฟด ผมแต่งตั้งเจ้าหน้าที่เองได้ไหม?”
เฟดยังออกคำแถลงภายหลังการประชุมคราวนี้ ซึ่งระบุว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจถึงแม้ลดลงแต่ยังคงสูงอยู่
นอกจากนี้เฟดยังปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯปีนี้ ลงมาอยู่ที่ 1.4% จาก 1.7% ที่คาดไว้ในเดือนมีนาคม และปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเป็น 3% และอัตราว่างงานเป็น 4.5% ซึ่งนับเป็นการปรับเปลี่ยนการคาดการณ์ครั้งแรกตั้งแต่ทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีศุลกากร 10% กับประเทศคู่ค้าเกือบทั้งหมดเมื่อเดือนเมษายน
พาวเวลล์กล่าวว่า การขึ้นภาษีศุลกากรในปีนี้มีแนวโน้มทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้นและกดดันกิจกรรมเศรษฐกิจ
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน พาวเวลล์ตอบว่า แม้สถานการณ์นี้อาจทำให้น้ำมันแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มส่งผลระยะยาวต่ออัตราเงินเฟ้อ
คำแถลงของเฟดนั้น สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ และดัชนีหุ้นสำคัญของอเมริกาปิดการซื้อขายในวันพุธโดยเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ไดแอน สวองค์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเคพีเอ็มจี เห็นด้วยว่า การคาดการณ์ของเฟดเกี่ยวกับผลกระทบจากภาษีศุลกากรจะชัดเจนขึ้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะที่ตลาดการเงินไม่คาดว่า จะมีความเคลื่อนไหวด้านดอกเบี้ยก่อนเดือนกันยายน
อนึ่ง ขณะที่เฟดกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แต่ทรัมป์กลับไม่คิดว่า เรื่องนี้จะเป็นอุปสรรคขัดขวางการลดดอกเบี้ย โดยเมื่อเร็วๆ นี้เขาบอกว่า การลดดอกเบี้ยจะช่วยลดภาระดอกเบี้ยที่ประเทศต้องจ่าย โดยมองข้ามข้อเท็จจริงว่า การลดดอกเบี้ยจะทำให้ราคผู้บริโภคสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน พาวเวลล์ยังคงยืนยันว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดจะตัดสินใจอย่างเป็นกลางและอิงกับการวิเคราะห์ที่ไม่ฝักใฝ่การเมือง
(ที่มา: เอเอฟพี)