กองทัพสหรัฐฯ เริ่มเคลื่อนย้ายอากาศยานและเรือออกจากฐานทัพหลายแห่งในตะวันออกกลางที่สุ่มเสี่ยงจะถูกอิหร่านโจมตี ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนเมื่อวานนี้ (18 มิ.ย.)
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่ทั่วโลกกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าสุดท้ายแล้วประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ จะออกคำสั่งนำสหรัฐฯ จับมืออิสราเอลร่วมทิ้งบอมบ์ทำลายโรงงานนิวเคลียร์และขีปนาวุธอิหร่านหรือไม่ และในขณะที่ประชาชนในกรุงเตหะรานแห่อพยพหนีตายออกจากเมืองหลวง หลังการสู้รบยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6
ขณะเดียวกัน สถานทูตสหรัฐฯ ประจำกาตาร์ก็ได้ออกประกาศจำกัดการเข้าถึงของบุคลากรต่อฐานทัพอากาศอัล-อูเดด (Al Udeid Air Base) ซึ่งเป็นฐานทัพสหรัฐฯ ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลางวันนี้ (19) โดยฐานทัพดังกล่าวตั้งอยู่ในทะเลทรายนอกกรุงโดฮา
สถานทูตยังแจ้งต่อเจ้าหน้าที่และพลเมืองสหรัฐฯ ในกาตาร์ให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ และคำนึงถึงสถานการณ์สู้รบในภูมิภาคที่ยังคงดำเนินอยู่
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 2 คนบอกกับรอยเตอร์ว่า การย้ายเครื่องบินและเรือเป็นส่วนหนึ่งของแผนปกป้องกองกำลังสหรัฐฯ แต่ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่ามีทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ถูกเคลื่อนย้ายมากน้อยเท่าไหร่ และถูกส่งไปที่ไหน
หนึ่งในเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เครื่องบินที่ไม่ได้จอดอยู่ในโรงเก็บที่แข็งแรงได้ถูกย้ายออกจากฐานทัพอากาศอัล-อูเดด ส่วนเรือบางลำก็ถูกนำออกจากท่าเรือในบาห์เรนซึ่งเป็นสถานที่ตั้งกองเรือที่ 5 ของสหรัฐฯ
“นี่ไม่ใช่แนวทางปฏิบัติที่ผิดปกติอะไร” เจ้าหน้าที่คนเดิมกล่าว “การปกป้องกำลังพลคือสิ่งสำคัญที่สุด”
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ รอยเตอร์รายงานว่าสหรัฐฯ มีการเคลื่อนย้ายเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงจำนวนมากไปยังยุโรป และส่งทรัพย์สินทางทหารอื่นๆ ไปยังตะวันออกกลาง รวมถึงมีการประจำการเครื่องบินรบเพิ่มขึ้นด้วย
เรือบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของสหรัฐฯ ในอินโด-แปซิฟิกก็กำลังมุ่งหน้าเข้าไปยังตะวันออกกลางเช่นกัน
อิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีที่มั่นทางทหารและโครงสร้างพื้นฐานนิวเคลียร์ของอิหร่านในวันศุกร์ที่แล้ว (13) โดยอ้างว่าจำเป็นต้องยับยั้งอิหร่านที่ใกล้จะผลิตอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ ขณะที่เตหะรานยังคงยืนกรานไม่เคยผลิตอาวุธนิวเคลียร์
เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติกล่าวที่นครเจนีวาวานนี้ (18) ว่า อิหร่านได้แจ้งเตือนไปยังสหรัฐฯ แล้วว่าพร้อมจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด หากสหรัฐฯ ตัดสินใจร่วมมือกับอิสราเอลโจมตีอิหร่าน
ที่มา: รอยเตอร์