ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กล่าววันนี้ (19 มิ.ย.) ว่าตนไม่ขอพูดถึงความเป็นไปได้ที่อิสราเอลและสหรัฐฯ จะจับมือกับลอบสังหาร อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน แต่ย้ำว่าประชาชนชาวอิหร่านยังคงมุ่งมั่นปกป้องผู้นำของพวกเขา
นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ได้ให้สัมภาษณ์แบบตรงไปตรงมาว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลอาจนำไปสู่การ “เปลี่ยนระบอบ” ในอิหร่าน ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ก็ออกมาสำทับรับลูกในวันอังคาร (17) ว่า สหรัฐฯ รู้ดีว่า คอเมเนอี “ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน” เพียงแต่วอชิงตันยังไม่อยากจะสังหารเขา “ในตอนนี้”
เมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรหากอิสราเอลจะสังหาร คอเมเนอี โดยมีสหรัฐฯ ช่วยสนับสนุน? ปูติน ตอบว่า “ผมไม่อยากจะพูดถึงความเป็นไปได้นี้ด้วยซ้ำ ผมไม่อยากพูด”
เมื่อผู้สื่อถามถามย้ำอีกครั้ง ปูติน ก็ตอบคล้ายๆ เดิมว่า ตนได้ยินข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อิสราเอลและสหรัฐฯ จะสังหาร คอเมเนอี แต่ไม่ขอออกความเห็นใดๆ
“เราเห็นกันอยู่ว่า ทุกวันนี้อิหร่านมีกลไกทางการเมืองภายในที่ซับซ้อน และผู้คนในสังคมทั่วประเทศต่างก็สนับสนุนผู้นำทางการเมืองของพวกเขา” ปูติน ให้สัมภาษณ์กับพวกบรรณาธิการข่าวอาวุโสที่เมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก
ปูติน เรียกร้องให้ทุกฝ่ายมองหาวิธียุติความรุนแรง โดยจะต้องรับรองทั้งสิทธิของอิหร่านในการดำเนินโครงการนิวเคลียร์เชิงสันติ และสิทธิของอิสราเอลในการป้องกันความมั่นคงของตนเองแบบไม่มีเงื่อนไข
ถ้อยแถลงของ ปูติน มีขึ้นในขณะที่ทั่วโลกกำลังคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าสุดท้ายแล้ว ทรัมป์ จะออกคำสั่งนำสหรัฐฯ จับมืออิสราเอลร่วมทิ้งบอมบ์ทำลายโรงงานนิวเคลียร์และขีปนาวุธอิหร่านหรือไม่ และในขณะที่ประชาชนในกรุงเตหะรานแห่อพยพหนีตายออกจากเมืองหลวงหลังการสู้รบยืดเยื้อเข้าสู่วันที่ 6
ปูติน กล่าวว่า ตนได้มีการติดต่อพูดคุยทั้งกับ ทรัมป์ และ เนทันยาฮู และได้เสนอแนวคิดของมอสโกในการแก้ไขข้อขัดแย้ง โดยยังคงเปิดทางให้อิหร่านสามารถเข้าถึงพลังงานนิวเคลียร์เพื่อพลเรือนได้
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงระบอบในอิหร่าน ปูติน ตอบว่าก่อนที่จะข้ามไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง คนเราควรตั้งคำถามก่อนว่าเป้าหมายหลักที่ตั้งเอาไว้ทำสำเร็จหรือยัง
ผู้นำรัสเซียยังย้ำว่า โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านที่อยู่ใต้ดินยังคงไม่ได้รับความเสียหาย
“โรงงานใต้ดินเหล่านั้นยังคงอยู่ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกมัน” ปูติน กล่าว “ผมคิดว่าทุกฝ่ายควรจะหาวิธียุติความรุนแรง และดึงทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในความขัดแย้งมาทำข้อตกลงกัน... ในมุมมองของผม ทางออกลักษณะนั้นเป็นไปได้”
เมื่อถูกถามว่า รัสเซียพร้อมจะส่งระบบอาวุธที่ทันสมัยไปช่วยอิหร่านป้องกันตนเองจากอิสราเอลหรือไม่? ปูติน กล่าวว่า สนธิสัญญาความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่ลงนามร่วมกับเตหะรานเมื่อเดือน ม.ค. ไม่ได้ครอบคลุมถึงความร่วมมือทางทหาร อีกทั้งอิหร่านเองก็ยังไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากรัสเซียอย่างเป็นทางการ
ก่อนหน้านั้น เซียร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย แถลงในวันพุธ (18) ว่า มอสโกได้เตือนสหรัฐฯ ว่าอย่าได้ลงมือโจมตีอิหร่าน เพราะจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางลุกลามบานปลายมากขึ้น ขณะที่โฆษกหญิงของกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียก็เตือนเช่นกันว่า การที่อิสราเอลพุ่งเป้าโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านอาจจะนำไปสู่หายนะด้านนิวเคลียร์ได้
ผู้นำหมีขาวยืนยันว่า อิสราเอลให้การรับรองกับมอสโกแล้วว่า นักวิทยาศาสตร์รัสเซียที่ทำงานช่วยอิหร่านสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 ตัวที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์บูเชห์รจะไม่ได้รับอันตรายจากการโจมตีทางอากาศ
ก่อนหน้านี้ รัสเซียเคยเสนอที่จะรับมอบยูเรเนียมสมรรถนะสูงจากอิหร่าน และจะจัดส่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ให้กับอิหร่านเพื่อใช้ประโยชน์ในโครงการนิวเคลียร์สำหรับพลเรือน
ที่มา: รอยเตอร์