ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ปฏิเสธไม่ยอมรับการประเมินของ ทูลซี แกบบาร์ด ผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติสหรัฐฯ ที่เชื่อว่าอิหร่านยังไม่ได้เริ่มผลิตอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ ทรัมป์ ออกมาโต้แย้งข้อมูลของหน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ เองหลังเข้าบริหารประเทศในเทอมสอง
ในทางตรงกันข้าม ทรัมป์ ดูเหมือนจะยอมรับคำกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ที่เปิดฉากยิงถล่มเป้าหมายทางทหารและนิวเคลียร์อิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยอาศัยข้ออ้างที่ว่าตนเอง “เชื่อ” ว่าอิหร่านใกล้จะผลิตหัวรบนิวเคลียร์สำเร็จ
ในการให้สัมภาษณ์สื่อบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันระหว่างเดินทางกลับจากประชุม G7 ที่แคนาดา ทรัมป์ ถูกตั้งคำถามว่าอิหร่านใกล้จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์มากแค่ไหนในมุมมองของเขา ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ ก็ตอบว่า “ใกล้มากๆ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อนักข่าวอ้างถึงสิ่งที่ แกบบาร์ด แถลงต่อสภาคองเกรสในเดือน มี.ค. ว่า ประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ ลงความเห็นว่าอิหร่านยังไม่ได้เริ่มต้นผลิตหัวรบนิวเคลียร์ ทรัมป์ ก็ตอบสวนทันทีว่า “ผมไม่สนว่าเธอพูดอะไร ผมเชื่อว่าพวกเขาใกล้จะมีหัวรบนิวเคลียร์แล้วแน่ๆ”
คำพูดของ ทรัมป์ ไม่ต่างไปจากตอนที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเทอมแรก โดยตอนนั้นเขาก็คัดค้านข้อมูลของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ที่เชื่อว่ามอสโกแทรกแซงศึกเลือกตั้งปี 2016 เพื่อช่วยเขา แต่กลับเชื่อถือคำปฏิเสธของประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน
เมื่อสื่อไปสอบถามเรื่องนี้จากสำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (Office of the Director of National Intelligence) ก็ได้รับคำตอบให้ไปดูโพสต์ของผู้สื่อข่าว CNN คนหนึ่งบน X ที่อ้างคำพูดของ แกบบาร์ด ขณะแถลงต่อสภาว่า เธอกับ ทรัมป์ “มีจุดยืนตรงกัน” เกี่ยวกับสถานะของโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน
แกบบาร์ด ยังแจ้งต่อสภาคองเกรสว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ไม่เชื่อว่า อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ได้สั่งการให้อิหร่านฟื้นฟูโครงการอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งสหรัฐฯ และทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ประเมินว่าถูกระงับไปตั้งแต่ปี 2003
อิหร่านยืนกรานปฏิเสธเรื่องการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ และย้ำว่าโครงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมมีวัตถุประสงค์ในเชิงสันติเท่านั้น
แหล่งข่าวที่สามารถเข้าถึงข่าวกรองของสหรัฐฯ ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า ผลการประเมินที่ แกบบาร์ด เสนอต่อสภา “ยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ยิ่งไปกว่านั้น แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า หน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ประเมินว่าอิหร่านจะต้องใช้เวลาอีก 3 ปีกว่าจะสามารถผลิตหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ตามต้องการ
อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่า อิหร่านอาจใช้เวลาน้อยกว่านั้นในการผลิตและส่งหัวรบนิวเคลียร์ที่ไม่ผ่านการทดสอบ แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีว่ามันจะใช้การได้
ที่ผ่านมา ทรัมป์ มักจะปฏิเสธไม่ยอมรับผลการประเมินของหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ซึ่งเขาและผู้สนับสนุนอ้างโดยไร้หลักฐานว่า เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพวกเจ้าหน้าที่ “รัฐพันลึก” (deep state) ที่ต่อต้านการเป็นประธานาธิบดีของเขา
แกบบาร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ภักดีต่อ ทรัมป์ แบบสุดซอย ก็เป็นคนหนึ่งที่เคยออกมาอ้างข้อครหาทำนองนี้เช่นกัน
ที่มา: รอยเตอร์