ฟรีดริช เมร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมายกย่องอย่างเปิดเผยต่อปฏิบัติการโจมตีทางทหารของอิสราเอลที่ถล่มอิหร่าน เน้นย้ำว่ารัฐบาลและกองทัพอิสราเอลดำเนินการอย่างกล้าหาญ "ทำงานสกปรก" ในนามของบรรดาชาติตะวันตก
ผู้นำเยอรมนีแสดงความคิดเห็นดังกล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์รอบนอกการประชุมซัมมิตจี7 ในแคนาดา ที่มีเหล่าผู้รับประกันข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านดั้งเดิมเข้าร่วมเกือบทุกชาติ ยกเว้นรัสเซียและจีน
"นี่คืองานสกปรกที่อิสราเอลทำเพื่อเราทุกคน เราเป็นเหยื่อของระบอบปกครองนี้เช่นกัน" เมร์ซ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว ZDF อ้างว่าระบอบการปกครองมุลเลาะห์(รูปแบบการปกครองที่ผู้นำทางศาสนาหรือนักบวชมีอำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศ) นำมาซึ่งความตาย และทำลายล้างโลก"
"ผมคิดว่าการโจมตีในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ก่อความอ่อนแอแก่ระบบมุลเลาะห์เป็นอย่างมาก และดูเหมือนว่าจะไม่อาจกลับสู่ความเข้มแข็งเดิมแบบในอดีตได้แล้ว ทำให้อนาคตของประเทศแห่งนี้ตกอยู่ในความไม่แน่นอน" เมร์ซ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนอีกแห่ง
เยอรมนี เป็นหนึ่งในกลุ่ม P5+1 ที่เจรจาต่อรองแผนปฏิบัติการร่วมที่ครอบคลุม (Joint Comprehensive Plan of Action: JCPOA) หรือที่รู้กันทั่วว่าเป็นข้อตกลงนิวเคลีย์อิหร่าน ย้อนกลับไปในปี 2015 ทั้งนี้แม้ว่าเขาสนับสนุนการโจมตี แต่ เมร์ซ อ้างว่าเบอร์ลินพร้อมกับสู่การเจรจารอบใหม่ ที่รับประกันว่าอิหร่านจะไม่มีวันครอบครองอาวุธนิวเคลียร์
อิสราเอลเริ่มปฏิบัติการโจมตีอิหร่านเมื่อวันศุกร์(13มิ.ย.) โดยอ้างความชอบธรรมว่าเพื่อสกัดเตหะรานจากการใกล้มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง แม้อิหร่านปฏิเสธคำกล่าวหานี้ซ้ำๆและยืนกรานว่าโครงการนิวเคลียร์ของพวกเขา มีจุดประสงค์เพื่อสันติล้วนๆ
อิหร่านแก้แค้นด้วยการยิงห่าขีปนาวุธหลายสิบลูกเข้าใส่อิสราเอล และนับตั้งแต่นั้นทั้ง 2 ฝ่ายต่างยิงตอบโต้กันไปมา ท่ามกลางรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 224 รายในอิหร่าน นับตั้งแต่การสู้รบเริ่มต้นขึ้น ส่วนทางอิสราเอล รัฐบาลรายงานว่ามีผู้เสียชีวิต 24 คน
ในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่ในวันจันทร์(16มิ.ย.) พวกผู้นำจี 7 ตราหน้าอิหร่านว่าเป็น ต้นตอหลักของความไร้เสถียรภาพและก่อการร้ายในภูมิภาค" พร้อมระบุ "เราชัดเจนมานาน ว่าอิหร่านไม่มีวันที่จะมีอาวุธนิวเคลียร์"
(ที่มา:อาร์ทีนิวส์)