กลุ่มชาติอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ออกคำแถลงร่วมเมื่อค่ำวันจันทร์ (16 มิ.ย.) แสดงการสนับสนุนอิสราเอล และตราหน้าอิหร่านว่าเป็นต้นเหตุของความไร้เสถียรภาพในตะวันออกกลาง พร้อมกันนี้ก็ได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายลดระดับการเผชิญหน้าในภูมิภาค ทางด้านโฆษกอิหร่านตอบโต้ G7 ไม่มองต้นตอปัญหา
สงครามทางอากาศระหว่างอิหร่านและอิสราเอลซึ่งปะทุขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (13) จากการที่อิสราเอลเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีเป้าหมายทางทหารและโครงการนิวเคลียร์อิหร่านก่อนยิ่งสร้างความวิตกกังวลภายในภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งอยู่ในภาวะตึงเครียดมาตั้งแต่อิสราเอลเริ่มโจมตีแก้แค้นกลุ่มฮามาสในกาซาเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2023
“เราขอยืนยันว่าอิสราเอลมีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง และขอย้ำถึงการสนับสนุนความมั่นคงของอิสราเอล” บรรดาผู้นำ G7 ระบุ
“อิหร่านคือสาเหตุหลักของความไร้เสถียรภาพและการก่อการร้ายในภูมิภาค”คำแถลงของผู้นำ G7 ระบุ พร้อมเสริมว่า G7 “มีจุดยืนที่ชัดเจนว่า อิหร่านจะต้องไม่มีวันครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
อิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางอากาศถล่มเป้าหมายหลายจุดในอิหร่านเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13) โดยอ้างว่าเป็นการโจมตีก่อน (preemptive strike) เพื่อสกัดไม่ให้เตหะรานพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์สำเร็จ
นับตั้งแต่วันนั้น สองคู่ปรับเก่าได้ส่งอาวุธโจมตีดินแดนของกันและกันอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายอิหร่านยืนยันว่าสงครามครั้งนี้คร่าชีวิตคนไปแล้วมากกว่า 220 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อิสราเอลระบุว่ามีพลเรือนฝ่ายตนเสียชีวิตไปแล้ว 24 คน
รัฐบาลอิหร่านปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยคิดครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ แต่ก็ยืนยันว่าอิหร่านมีสิทธิที่จะพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อจุดประสงค์ในทางสันติ เช่น การเสริมสมรรถนะยูเรเนียม ในฐานะที่ก็เป็นหนึ่งในรัฐภาคีสนธิสัญญาไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Non-Proliferation Treaty - NPT)
ทางด้านอิสราเอลไม่ได้เป็นภาคีในสนธิสัญญาฉบับนี้ แต่กลับเป็นที่รู้กันอย่างกว้างขวางว่าอิสราเอลเป็นชาติเดียวในตะวันออกกลางที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งทางการยิวก็ไม่เคยยอมรับหรือว่าปฏิเสธข้อมูลนี้
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่าประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ได้เดินทางกลับจากการประชุมซัมมิต G7 ที่แคนาดาก่อนเวลา สืบเนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
สหรัฐฯ ปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลต่ออิหร่าน แต่ ทรัมป์ กลับออกมาแย้มเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (13) ว่า สหรัฐฯ “รู้ล่วงหน้า” ว่าอิสราเอลจะทำเช่นนี้ และยังชื่นชมว่าเป็นการโจมตีที่ “ยอดเยี่ยม” ด้วย
วอชิงตันยังเตือนเตหะรานว่าอย่าได้คิดโจมตีผลประโยชน์ของบุคลากรของสหรัฐฯ ในภูมิภาค
“เราขอเรียกร้องว่า การแก้ไขวิกฤตการณ์อิหร่านควรจะนำไปสู่การผ่อนคลายความตึงเครียดในตะวันออกลางในภาพใหญ่ ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงในกาซาด้วย” ถ้อยแถลงของผู้นำ G7 ระบุ พร้อมยืนยันว่าทุกชาติจะทำงานร่วมกันเพื่อปกป้องเสถียรภาพของตลาดพลังงาน
ขีปนาวุธลูกหนึ่งของอิสราเอลพุ่งเข้าโจมตีสำนักงานของสถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านเมื่อวานนี้ (16) ขณะที่ ทรัมป์ โพสต์โซเชียลมีเดียเรียกร้องให้ “ทุกคนรีบอพยพออกจากเตหะรานทันที”
อิหร่านตอบโต้ G7 ไม่มองสาเหตุแท้จริง
ต่อมาในวันอังคาร(17) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน เอสมาเอล บักเกอี ได้แถลงตอบโต้ โดยกล่าวหา G7 ว่าเข้าข้างอิสราเอลอย่างชัดเจน
“G7 ต้องยุติถ้อยคำโวหารแบบเข้าข้างฝ่ายเดียวของพวกตน และจัดการกับแหล่งที่มาแท้จริงของการบานปลายขยายตัว (ของการเผชิญหน้าคราวนี้) ซึ่งก็คือ การก้าวร้าวรุกรานของอิสราเอล” โฆษกอิหร่านบอก
“อิสราเอลเป็นผู้เปิดฉากสงครามการก้าวร้าวรุกรานต่ออิหร่านโดยที่มิได้มีการยั่วยุใดๆ ... เป็นการละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ”
“ประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นร้อยๆ คนถูกฆ่าตาย สถานที่ปลูกสร้างสาธารณะและสถานที่ของรัฐของเรา ตลอดจนบ้านเรือนของประชาชนถูกทำลายอย่างโหดเหี้ยม
“อิหร่านกำลังพิทักษ์ปกป้องตนเองจากการก้าวร้าวรุกรานอันดุร้าย จริงๆ แล้วอิหร่านมีหนทางเลือกอื่นใดอีกหรือ?” เขาตั้งคำถาม
ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี