ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ชี้แจงว่าที่รัฐบาลกัมพูชาตัดสินใจนำคดียื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ไอซีจี) สืบเนื่องจากกลไกทวิภาคีระหว่างกัมพูชาและไทย ล้มเหลวในการเห็นพ้องต้องกันใน 4 พื้นที่พิพาทสำคัญ พร้อมกร้าวแม้ไม่ปรารถนาสงคราม แต่เชื่อว่ากัมพูชามีศักยภาพเพียงพอในการปกป้องตนเอง
เขาเอ่ยชื่อพื้นที่เหล่านี้ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม, ปราสาทตาเมือนโต๊ด และปราสาทตากระเบย เช่นเดียวกับสามเหลี่ยมมรกต และอ้างว่าแนวทางของกัมพูชาคือแสวงหาทางออกอย่างสันติสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศ
ประธานวุฒิสภารายนี้เน้นย้ำว่าความเคลื่อนไหวทางกฎหมายล่าสุดของกัมพูชา ถือเป็นกรอบเวลาอันเป็นสัญลักษณ์ เนื่องจากมันตรงพอดีกับวันที่ 15 มิถุนายน 1962 หรือ 63 ปีก่อน ที่กัมพูชาชนะคดีที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ เหนือปราสาทพระวิหาร
ในวันเดียวกันนี้ของปีนี้ ปรัก สุคน รัฐมนตรีกิจการต่างประเทศกัมพูชา ลงนามในเอกสารใหม่ที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นคดีแรกในหลายๆคดีที่กัมพูชามีความตั้งใจเดินหน้าในเรื่องนี้
ฮุนเซน บอกว่ากัมพูชา เสาะหาแต่เพียงทางออกอย่างสันติ และอธิบายว่าทั้งการเจรจาทวิภาคีและกระบวนการทางกฎหมาย ณ ศาลระหว่างประเทศ เป็นกลไกที่สันติ พร้อมเน้นย้ำว่าการยื่นฟ้องร้องต่อศาลระหว่างประเทศ ไม่ควรถูกมองในฐานะพฤติกรรมแห่งการยั่วยุ หรือก้าวย่างสู่สงคราม
ในการสื่อสารในเรื่องนี้ ฮุนเซน เน้นย้ำว่ากัมพูชามีศักยภาพป้องกันตนเองอย่างเต็มเปี่ยม แต่ไม่ปรารถนาสงคราม "กัมพูชาไม่ขาดแคลนอาวุธและกำลังพล" เขาเน้นย้ำ "แต่เราไม่ต้องการความขัดแย้ง เจตนาของเราชัดเจนคือ เพื่อหลีกเลี่ยงสงคามและปกป้องดินแดนของเราผ่านหนทางแห่งสันติ ไม่ใช่ความก้าวร้าว"
ประธานวุฒิสภารายนี้กล่าวต่อว่ากัมพูชาและไทย มีชายแดนร่วมกันมากกว่า 800 กิโลเมตร และยังคงมีข้อพิพาทใน 4 พื้นที่ดังกล่าวข้างต้น โดยแม้มีการเจรจาทวิภาคีมานานกว่า 100 หรือ 200 ปี ประเด็นปัญหาก็ยังคงไม่คลี่คลาย และพื้นที่พิพาทเหล่านี้ได้โหมกระพือความขัดแย้งที่ผ่านมาหลายครั้งระหว่างประเทศของเราทั้ง 2
"เพราะฉะนั้น กัมพูชาจึงเลือกหนทางแห่งสันติผ่านการทูตและนำคดีนี้เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ"
ฮุนเซน กล่าวปิดท้ายว่าเขาแสดงความหวังว่าประเทศต่างๆทั่วโลก จะยึดมั่นนโยบายต่างๆที่เคารพกฎหมายระหว่างประเทศ หลีกเลี่ยงการใช้หรือข่มขู่ใช้กำลัง และจะสนับสนุนกัมพูชาในการหาทางออกอย่างสันติ ผ่านการเจรจาทวิภาคีและกลไกทางกฎหมาย
(ที่มา:เขมรไทม์ส)