เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง เดินทางเยือนเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์กวันอาทิตย์(15 มิ.ย)เพื่อกระชับอำนาจยุโรปเหนือกรีนแลนด์ กลายเป็นผู้นำคนแรกที่มาเยือนเกิดขึ้นแค่ 1 วันหลังสหรัฐฯจัดงานพาเหรดสนวนสนามครบรอบ 250 ปีท่ามกลางชาวอเมริกันทั่วประเทศต่อต้านทรัมป์วัน “No King” ในอเมริกา
บีบีซีของอังกฤษรายงานวันนี้(15 มิ.ย)ว่า ในสัญญาณความสำคัญเพิ่มขึ้นของเกาะกรีนแลนด์ต่อการเมืองเชิงภูมิศาสตร์โลกโดยภัยคุกคามโดยตรงมาจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ต้องการผนวกกรีนแลนด์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของสหรัฐฯ
ดิอินดีเพนเดนท์ของอังกฤษรายงานวันศุกร์(13)ว่า รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีท เฮกเซ วันพฤหัสบดี(12)ดูเหมือนจะยอมรับว่า กองทัพสหรัฐฯได้พัฒนาแผนที่จะยึดปานามาและกรีนแลนด์ด้วยกำลังหากจำเป็น
โดยในการขึ้นให้การสภาคองเกรสสหรัฐฯว่า เขาขอปฎิเสธที่จะตอบคำถาซ้ำซากเกี่ยวกับการใช้แชตบนแอป Signal เพื่อหารือปฎิบัติการทหาร
บีบีซีชี้ว่า การที่กรีนแลนด์มีความสำคัญส่งผลทำให้ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง มีกำหนดการเข้ามาเยือนเกาะกรีนแลนด์วันอาทิตย์(15) เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรปให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เห็น
มาครงยังกลายเป็นผู้นำคนแรกที่จะเดินทางเข้ากรีนแลนด์
กำหนดการเดินทางเยือนกรีนแลนด์ของผู้นำฝรั่งเศสยังบังเอิญเกิดขึ้น 1 วันหลังวันเกิดครบรอบ 79 ปีของทรัมป์ที่เขามีการฉลองอย่างยิ่งใหญ่และมีการเดินพาเหรดสวนสนามของกองทัพสหรัฐฯที่บังเอิญครบรอบวันก่อตั้งในปีที่ 250 โดยมีสีทองประดับไปทั่วภายในงาน ซึ่งเป็นที่รู้ดีว่าสีทองเป็นสีโปรดของประธานาธิบดีทรัมป์
งานพาเหรดกองทัพสหรัฐฯที่เรียกในชื่อว่า พาเหรดวันเกิดทรัมป์เกิดท่ามกลางการประท้วงจากประชาชนอเมริกันจำนวนมหาศาลทั่วประเทศในวัน No King หรือวันต้านทรัมป์ซึ่งเป็นคำกล่าวไปทั่วว่า “ในอเมริกาไม่มีกษัตริย์” CNN ของสหรัฐฯรายงานว่า มีผู้ร่วมประท้วงร่วม 50,000 คน
บีบีซีรายงานว่า มาครงเดินทางมาที่เกาะกรีนแลนด์ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรีกรีนแลนด์ เยนส์-เฟรเดริค-นีลเซน (Jens-Frederik Nielsen) ซึ่งจะมีนายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเต เฟรเดอริกเซน (Mette Frederiksen) เข้าร่วม
ผู้นำเดนมาร์กกล่าวสรรเสริญถึงการเดินทางมาเยือนกรีนแลนด์ของประธานาธิบดีมาครงว่า เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่หนักแน่นของความเป็นหนึ่งเดียวของสหภาพยุโรปท่ามกลางสถานการณ์ความยากลำบากของนโยบายต่างประเทศในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา"
การหารือจะมีเป้าหมายไปที่ความมั่นคงแอตแลนติกเหนือและเขตอาร์กติกรวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศโลก การพัฒนาทางเศรษฐกิจและแร่ธรรมชาติสำคัฐก่อนที่ผู้นำแดนน้ำหอมจะเดินทางไปต่อที่แคนาดาเพื่อร่วมการประชุม G-7 ที่ออตตาวาเป็นประเทศเจ้าภาพปีนี้
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีนแลนด์ระดับสูง คาจ ไคลสต์ ( Kaj Kleist๗ ให้ความเห็นถึงความสำคัญของการมาเยือนเกาะกรีนแลนด์ของมาครงว่า “นี่มันใหญ่ ผมต้องพูดเลย เป็นเพราะพวกเราไม่เคยได้รับการเยือนจากประธานาธิบดีคนใดทั้งนั้น และมันเป็นความน่ายินดีมาก”
ซึ่งกรุงนุก(Nuuk)ที่เป็นเมืองหลวงของเกาะกรีนแลนด์นั้นมีประชากรอาศัยไม่ถึง 20,000 คน ดังนั้นผู้นำระดับโลกและคณะผู้ติดตามที่ก้าวลงมาที่เมืองแห่งนี้จึงถือเป็นเรื่องใหญ่
ไคลสต์เจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีนแลนด์แสดงความเห็นต่อว่า “มาครงไม่ได้แค่มาเยือนเกาะกรีนแลนด์เพื่อประโยชน์ของกรีนแลนด์เท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่ใหญ่กว่าท่ามกลางมหาอำนาจเหล่านี้ในโลก”
และเจ้าหน้าที่รัฐบาลกรีนแลนด์กล่าวต่อว่า มันยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนทิศทางจากการที่บรรดาผู้นำของกรีนแลนด์ได้กระชับความสัมพันธ์กับเดนมาร์กและสหภาพยุโรป EU
“เป็นเพราะพวกเราจำเป็นต้องมีพันธมิตรในปัญหาเหล่านี้” โดยได้อ้างไปถึงปัญหามาจากแรงกดดันจากสหรัฐฯ