ยอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุแอร์อินเดีย (Air India) ตกที่เมืองอาห์เมดาบัดเพิ่มเป็นอย่างน้อย 274 รายวันนี้ (14 มิ.ย.) ขณะที่ทีมสอบสวนพุ่งประเด็นไปที่ปัญหาเกี่ยวกับเครื่องยนต์ แฟลป และระบบฐานล้อ ส่วนสำนักงานการบินพลเรือนอินเดียมีคำสั่งตรวจเช็คสภาพความปลอดภัยฝูงบินโบอิ้ง 787 ทั้งหมดของแอร์อินเดีย
เครื่องบินโบอิ้ง 787-8 ดรีมไลเนอร์ ลำนี้กำลังพาผู้โดยสารและลูกเรือ 242 ชีวิตออกเดินทางไปยังสนามบินแกตวิกในกรุงลอนดอนของอังกฤษเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ก่อนจะร่วงตกใส่พื้นที่ชุมชนในเมืองอาห์เมดาบัดหลังขึ้นบินได้ราวๆ 30 วินาที โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าเครื่องบินร่วงลงใส่อาคารหอพักนักศึกษาแพทย์จนระเบิดไฟลุกท่วม
เหตุการณ์นี้มีผู้โดยสารรอดชีวิตอย่างปาฏิหาริย์เพียง 1 คน ขณะที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่ามีประชาชนบนพื้นดินเสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 24 คนในขณะที่เครื่องบินร่วงลงใส่อาคารหอพักนักศึกษาแพทย์ระหว่างช่วงเวลาอาหารเที่ยง
ล่าสุด สถานีโทรทัศน์ NDTV ของอินเดียรายงานวันนี้ (14) ว่า จำนวนผู้เสียชีวิตทั้งที่เป็นผู้โดยสารและประชาชนบนภาคพื้นดินเพิ่มเป็นอย่างน้อย 274 คน และเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งเก็บกวาดเศษซากความเสียหาย
โศกนาฏกรรมครั้งนี้ยังเป็นการตกครั้งแรกของเครื่องบินโบอิ้ง 787-8 และถูกยกให้เป็นอุบัติเหตุทางการบินครั้งเลวร้ายที่สุดของโลกในรอบ 10 ปี
แหล่งข่าวให้ข้อมูลกับรอยเตอร์ในวันศุกร์ (13) ว่า แอร์อินเดียและรัฐบาลอินเดียกำลังเร่งตรวจสอบหาต้นตอของอุบัติเหตุครั้งนี้ ทั้งประเด็นแรงขับเครื่องยนต์ (engine thrust) อุปกรณ์เพิ่มแรงยกที่ปลายปีก (flap) รวมถึงคำถามที่ว่าเหตุใดฐานล้อเครื่องบินจึงไม่ถูกเก็บหลังจากที่เครื่องบินเทคออฟ
กระบวนการสอบสวนยังมุ่งหาความจริงด้วยว่า แอร์อินเดียมีส่วนผิดด้วยหรือไม่ในแง่ของการซ่อมบำรุง
การพุ่งชนนกเป็นอีกหนึ่งประเด็นคำถามในการสอบสวน และยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญด้านต่อต้านก่อการร้าย (anti-terrorism) เข้ามามีส่วนร่วมด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียยังอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะระงับใช้ฝูงบิน 787 ชั่วคราวหรือไม่ ในระหว่างที่กระบวนการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น
แอร์อินเดียมีฝูงบินดรีมไลเนอร์อยู่มากกว่า 30 ลำ โดยแบ่งออกเป็นรุ่น 787-8 และ 787-9 ขณะที่แหล่งข่าวในสายการบินเผยว่า บริษัทยังไม่ได้รับแจ้งจากรัฐบาลอินเดียในเรื่องคำสั่งกราวนด์ฝูงบิน
ขณะเดียวกัน สำนักงานการบินพลเรือนอินเดียได้มีคำสั่งให้แอร์อินเดียต้องตรวจเช็คสภาพเครื่องบิน 787-8/9 ที่ใช้เครื่องยนต์ GEnx รวมถึงมีการตรวจสอบพื้นที่จากจุดที่เครื่องบินเริ่มออกตัวไปจนถึงจุดที่ขึ้นบิน (take off parameters) ทุกครั้งในทุกๆ เที่ยวบิน โดยตั้งแต่เวลาเที่ยงคืนของวันที่ 15 มิ.ย. เป็นต้นไป
แอร์อินเดียยังได้รับคำสั่งให้ตรวจสอบระบบควบคุมการบิน (flight control inspection) ในระหว่างการทรานซิต เพื่อให้มั่นใจว่าระบบควบคุมเครื่องทำงานอย่างเหมาะสม และต้องดำเนินการตรวจเช็คพลังงานของเครื่องยนต์ว่าสามารถผลิตพลังงานได้อย่างเพียงพอหรือไม่ภายใน 2 สัปดาห์
กระทรวงการบินพลเรือนอินเดียระบุว่า พนักงานสอบสวนและหน่วยกู้ภัยสามารถเก็บกู้กล่องบันทึกข้อมูลการบิน (flight data recorder) ได้จากหลังคาอาคารที่เครื่องบินตกใส่ ทว่าจนถึงตอนนี้ยังไม่มีรายงานพบกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน (cockpit voice recorder) ซึ่งเป็นอีกหนึ่ง “กล่องดำ” ที่คาดว่าจะช่วยให้ทีมสอบสวนเข้าถึงข้อมูลสำคัญและระบุสาเหตุของโศกนาฏกรรมทางการบินครั้งนี้ได้
ที่มา: รอยเตอร์
