อิหร่านและอิสราเอลยังคงสาดขีปนาวุธโจมตีทางอากาศใส่กันและกันอย่างไม่หยุดหย่อนจนถึงช่วงเช้าวันนี้ (14 มิ.ย.) หลังจากอิสราเอลเป็นฝ่ายเปิดฉากโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ต่อศัตรูคู่ปรับตลอดกาลเพื่อสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังขึ้นในกรุงเทลอาวีฟและนครเยรูซาเลมซึ่งเป็น 2 เมืองใหญ่ที่สุดของอิสรเอลในช่วงก่อนรุ่งสาง ทำให้ประชาชนแห่กันเข้าไปในที่หลบภัย ขณะที่กองทัพอิสราเอลระบุว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศกำลังทำงานเพื่อสกัดกั้นขีปนาวุธของอิหร่าน
“ในรอบ 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขีปนาวุธหลายสิบลูกถูกยิงจากอิหร่านเข้ามายังอิสราเอล ซึ่งบางลูกถูกสกัดไว้ได้” กองทัพอิสราเอลแถลง พร้อมเผยว่าหน่วยกู้ภัยกำลังปฏิบัติการอยู่ในหลายจุดทั่วประเทศที่มีรายงานว่าพบขีปนาวุธตก แต่ยังไม่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต
ด้านสำนักข่าว Tasnim ซึ่งเป็นสำนักข่าวกึ่งทางการของอิหร่านรายงานว่า มีเสียงระเบิดดังขึ้นหลายครั้งในเขตกรุงเตหะราน เมืองหลวงของอิหร่าน
สำนักข่าว Fars รายงานว่า ขีปนาวุธอิสราเอล 2 ลูกไปตกที่สนามบินเมห์ราบัดในกรุงเตหะราน และมีเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นั่น
สนามบินดังกล่าวตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พักของพวกผู้นำระดับสูงอิหร่าน และยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพอากาศที่มีทั้งเครื่องบินขับไล่และเครื่องบินลำเลียง
ด้านสื่ออิสราเอลรายงานว่า มีขีปนาวุธต้องสงสัยตกลงมาที่กรุงเทลอาวีฟ ขณะที่แหล่งข่าวของรอยเตอร์ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นในนครเยรูซาเลม ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นเสียงจากการโจมตีของอิหร่านหรือระบบป้องกันของอิสราเอล
สำนักข่าว Fars รายงานว่า อิหร่านได้เปิดฉากยิงตอบโต้ทางอากาศระลอกที่ 3 ในวันนี้ (14) หลังจากที่รัวยิงขีปนาวุธถล่มอิสราเอล 2 ระลอกในวันศุกร์ (13) โดยเป็นการแก้แค้นที่อิสราเอลล็อกเป้าสังหารผู้บัญชาการและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ ตลอดจนโจมตี เป้าหมายทางทหารและฐานปฏิบัติการนิวเคลียร์ของอิหร่าน
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 คนเผยกับรอยเตอร์ว่า กองทัพสหรัฐฯ ได้ช่วยยิงสกัดขีปนาวุธอิหร่านที่พุ่งตรงไปยังอิสราเอลในวันศุกร์ (13) ขณะที่กองทัพอิสราเอลแถลงว่า อิหร่านยิงขีปนาวุธเข้ามาไม่ถึง 100 ลูก และส่วนใหญ่ถูกยิงสกัดหรือไม่ก็เดินทางมาไม่ถึงดินแดนอิสราเอล แต่ก็ยังมีอาคารบ้านเรือนรอบๆ กรุงเทลอาวีฟที่ได้รับความเสียหาย
สำนักข่าว IRNA ของทางการอิหร่าน ระบุว่า เตหะรานได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวหลายร้อยลูกไปยิงอิสราเอล หลังจากที่รัฐยิวยิงโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ที่เมืองนาตันซ์ (Natanz) และสังหารผู้บัญชาการทหารระดับสูงของอิหร่านไปหลายคน
อิหร่านยืนยันเรื่อยมาว่า กิจกรรมนิวเคลียร์ของตนมีวัตถุประสงค์ในทางสันติ ขณะที่บรรดาชาติตะวันตกกล่าวหาว่าอิหร่านจงใจเสริมสมรรถนะยูเรเนียมในระดับที่มากพอสำหรับการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ และไม่ได้มุ่งหวังประโยชน์ด้านพลเรือนอย่างที่อ้าง
ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติวานนี้ (13) ว่า โรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมส่วนที่อยู่เหนือพื้นดินที่นาตันซ์ถูกขีปนาวุธอิสราเอลทำลาย และยูเอ็นกำลังรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับความเสียหายที่โรงงานในฟอร์โด (Fordow) และอิสฟาฮาน (Isfahan)
เดวิด อัลไบรท์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์จากสถาบันเพื่อวิทยาศาสตร์และความมั่นคงระหว่างประเทศ (Institute for Science and International Security) ให้ความเห็นว่า “ปฏิบัติการของอิสราเอลในวันแรกมุ่งไปที่การสร้างเซอร์ไพรส์ เช่น การสังหารผู้นำและนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ รวมถึงทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศเพื่อลดทอนศักยภาพในการตอบโต้ของอิหร่าน”
“อย่างไรก็ดี เรายังไม่เห็นสภาพความเสียหายชัดเจนที่ฟอร์โดหรืออิสฟาฮาน แต่รู้ว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นที่นาตันซ์” เขากล่าว พร้อมกับย้ำว่า “ยังไม่พบหลักฐานยืนยันว่าโรงงานนิวเคลียร์ที่อยู่ใต้ดินถูกทำลาย”
อยาตอลเลาะห์ อาลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน กล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นฝ่ายเริ่มต้นสงคราม ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงอิหร่านคนหนึ่งเตือนว่า จะไม่มีพื้นที่ใดในอิสราเอลที่ปลอดภัย และพวกเขาจะเผชิญกับการแก้แค้นที่เจ็บปวด
อามีร์ ซาอีด อิราวานี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ ระบุว่า ปฏิบัติการโจมตีของอิสราเอลทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 78 คน รวมถึงนายทหารระดับสูงของอิหร่าน และยังมีผู้บาดเจ็บอีกมากกว่า 320 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน
ทูตอิหร่านผู้นี้กล่าวหาสหรัฐฯ ว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับการโจมตีของอิสราเอล และต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น
ด้านประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เตือนว่า “ยังไม่สายเกินไป” ที่อิหร่านจะยอมบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ เพื่อยุติการทิ้งบอมบ์ของอิสราเอล
ที่มา: รอยเตอร์