รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ พยายามล็อบบี้ข่มขู่ประเทศทั่วโลกให้งดส่งผู้แทนเข้าร่วมการประชุมของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ว่าด้วยทางออกแบบ 2 รัฐ (two-state solution) เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า
รอยเตอร์อ้างข้อมูลจากโทรเลขการทูตของสหรัฐฯ ที่ถูกส่งออกไปเมื่อวันอังคาร (10 มิ.ย.) โดยเนื้อหาในโทรเลขระบุว่า ประเทศใดก็ตามที่ “มีพฤติกรรมต่อต้านอิสราเอล” ภายหลังจากการประชุมครั้งนี้จะถูกถือว่า “ต่อต้านผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ” ด้วย และอาจจะเผชิญมาตรการตอบโต้ทางการทูตจากวอชิงตัน
หนังสือฉบับนี้ซึ่งไม่เคยถูกตีแผ่มาก่อนถือว่าขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนทางการทูตของฝรั่งเศสและซาอุดีอาระเบีย ซึ่งจะร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในสัปดาห์หน้าที่นครนิวยอร์ก โดยหวังที่จะปูทางไปสู่การจัดทำโรดแมปเพื่อสถาปนารัฐปาเลสไตน์ และในขณะเดียวกันก็ค้ำประกันความมั่นคงปลอดภัยให้กับอิสราเอลด้วย
“เราขอเรียกร้องให้รัฐบาลทุกชาติอย่าได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ ซึ่งสหรัฐฯ มองว่าไม่เป็นผลดีต่อความพยายามปกป้องชีวิตผู้คน ยุติสงครามในกาซา และช่วยเหลือตัวประกัน” โทรเลขดังกล่าวระบุ
ประธานาธิบดี เอมมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศสเคยออกมาเปรยว่า รัฐบาลปารีสอาจประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ในเขตพื้นที่ยึดครองของอิสราเอลระหว่างการประชุมครั้งนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสหลายคนยอมรับว่า พวกเขาพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของอิสราเอล
โทรเลขของสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า “สหรัฐอเมริกาคัดค้านการกระทำใดๆ ก็ตามที่จะเป็นการรับรองรัฐปาเลสไตน์ฝ่ายเดียว ซึ่งจะยิ่งเพิ่มอุปสรรคทางการเมืองและกฎหมายต่อการแก้ไขความขัดแย้ง และเข้าข่ายเป็นการข่มขู่อิสราเอลที่กำลังอยู่ในภาวะสงคราม และเข้าข้างศัตรูของพวกเขา”
ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ แสดงจุดยืนสนับสนุนทางออกแบบ 2 รัฐควบคู่ ซึ่งมีเป้าหมายในการตั้งรัฐปาเลสไตน์ขึ้นในเขตเวสต์แบงก์และกาซาให้ดำรงอยู่คู่กับอิสราเอลได้อย่างสันติ
อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ มีท่าทีเฉื่อยชาในการผลักดันทางออก 2 รัฐมาตั้งแต่ในช่วงรัฐบาลเทอมแรก และในสมัยปัจจุบันก็ทำเป็นนิ่งเฉยไม่ประกาศชัดเจนว่าจุดยืนของเขาต่อปัญหานี้อยู่ตรงไหน
ล่าสุดเมื่อวันอังคาร (10) ไมค์ ฮักคาบี เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำอิสราเอลซึ่งเป็นนักการเมืองโปรยิวสุดซอย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตน “ไม่คิด” ว่าการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ยังคงเป็นเป้าหมายในเชิงนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ
โทรเลขการทูตของสหรัฐฯ ยังเตือนว่า “การประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์ฝ่ายเดียวเท่ากับทำให้วันประกาศเอกราชปาเลสไตน์ 7 ต.ค. บรรลุผล” โดยอ้างอิงถึงวันที่ 7 ต.ค. ปี 2023 ที่กลุ่มฮามาสบุกโจมตีภาคใต้ของอิสราเอล และสังหารผู้คนไป 1,200 คน รวมถึงจับคนไปเป็นตัวประกันในกาซาอีกราว 250 คน
การโจมตีของกลุ่มฮามาสในวันนั้นทำให้อิสราเอลตัดสินใจเปิดปฏิบัติการโจมตีทั้งทางอากาศและภาคพื้นดินอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมานานกว่า 20 เดือน ซึ่งทำให้พลเรือนปาเลสไตน์ในกาซาเสียชีวิตไปแล้วเกือบ 55,000 คน ขณะที่ประชากรส่วนใหญ่จากทั้งหมด 2.3 ล้านคนต้องพลัดถิ่นฐาน และเผชิญความอดอยากแร้นแค้น
ทั้งนี้ หาก มาครง เดินหน้าทำตามที่เขาพูดไว้ ฝรั่งเศสซึ่งเป็นบ้านของชุมชนชาวยิวและมุสลิมใหญ่ที่สุดในยุโรปก็จะกลายเป็นมหาอำนาจตะวันตกรายแรกที่ประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์
ที่มา: รอยเตอร์