การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีนในกรุงลอนดอน เตรียมลากยาวเข้าสู่วันที่ 2 ในขณะที่บรรดาเจ้าหน้าที่ด้านเศรษฐกิจของ 2 มหาอำนาจโลก หาทางปลดชนวนศึกพิพาทอันเจ็บปวด ที่เริ่มต้นจากการรีดภาษีลุกลามสู่การจำกัดส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ เสี่ยงก่อคลื่นความช็อกแก่ห่วงโซ่อุปทานโลกและฉุดรั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ
แหล่งข่าวสหรัฐฯที่ใกล้ชิดกับการเจรจา ณ คฤหาสน์แลงคาสเตอร์ เปิดเผยว่าการเจรจายุติลงในช่วงค่ำคืนในวันจันทร์(9มิ.ย.) และเตรียมกลับมาหารือกันต่อตอน 9.00 จีเอ็มที(ตรงกับเมืองไทย 16.00น.) ของวันอังคาร(10มิ.ย.)
วอชิงตันและปักกิ่งพยายามกอบกู้ข้อตกลงชั่วคราวที่เห็นพ้องกันในเจนีวา ที่ช่วยลดความตึงเครียดทางการค้าและคืนความสงบแก่ตลาดในช่วงสั้นๆ โดยนับตั้งแต่นั้นสหรัฐฯกล่าวหาจีน เตะถ่วงในการทำตามคำสัญญา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯในวันจันทร์(9มิ.ย.) แสดงมุมมองในแง่บวกเกี่ยวกับการเจรจา บอกว่าทั้ง 2 ฝ่ายกำลังพูดคุยไปด้วยดีและเขาได้รับรายงานต่อเรื่องดีๆจากคณะทำงานของเขานลอนดอน "เรากำลังพูดคุยด้วยดีกับจีน กับจีนไม่ใช่เรื่องง่าย" ทรัมป์ กล่าว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดที่เป็นเนื้อหาสาระอะไรเกี่ยวกับการเจรจา
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการยกเลิกควบคุมการส่งอออก ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ทำเนียบขาวว่า "เรากำลังจะได้เห็นกัน"
เควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจทำเนียบขาว บอกก่อนหน้านี้ในวันจันทร์(9มิ.ย.) คณะทำงานสหรัฐฯอยากจับมือจีน สำหรับข้อตกลงแร่แรร์เอิร์ธ หลัง ทรัมป์ เผยว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ตอบตกลงคืนการส่งออก ระหว่างการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่าง 2 ผู้นำ ที่เกิดขึ้นน้อยครั้งมาก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
แฮกเซตต์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า สหรัฐฯคาดหมายว่าจะมีการผ่อนปรนการส่งออก และปล่อยแร่แรร์เอิร์ธออกมาในปริมาณมากในทันทีหลังจากนั้น
การเจรจาในลอนดอน มีขึ้นในช่วงเวลาสำคัญสำหรับเศรษฐกิจของทั้ง 2 ชาติ ซึ่งส่งสัญญาณแห่งความตึงเครียด อันเนื่องจากคำสั่งรีดภาษีเป็นชุดของทรัมป์ นับตั้งแต่กลับสู่ทำเนียบขาวในเดือนมกราคม
ข้อมูลศุลกากรพบว่าการส่งออกของจีนไปยังสหรัฐฯ ลดลงถึง 34.5% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบเป็นรายปีและเทียบกันในแง่ของมูลค่าสินค้า ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2020 ครั้งที่โรคระบาดใหญ่โควิด-19 ก่อความปั่นป่วนแก่การค้าโลก
ในสหรัฐฯ ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและครัวเรือนกำลังดำดิ่ง ในขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ไตรมาสแรกหดตัวลง สืบเนื่องจากตัวเลขนำเข้าพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เหตุเพราะชาวอเมริกาพากันซื้อหรือใช้จ่ายล่วงหน้า ก่อนที่ราคาจะถูกปรับเพิ่มขึ้น สืบเนื่องจากมาตรการรีดภาษี
การเจรจาในลอนดอน ทางฝ่ายสหรัฐฯ ประกอบด้วย สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลัง, โฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีพาณิชย์ และ จามีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้า ส่วนฝ่ายจีนนำโดย เหอ ลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรี, หวาง เหวินเทา รัฐมนตรีพาณิชย์ และ นายหลี่ เฉิงกัง หัวหน้าเจรจาการค้าของกระทรวงพาณิชย์
(ที่มา:รอยเตอร์)