xs
xsm
sm
md
lg

‘การรบกวนสัญญาณเรดาร์’อาจเป็นทีเด็ดในการสู้กับ‘ขีปนาวุธ PL-15 จีน’ที่ใช้สอย‘เครื่องบินขับไล่ราฟาล’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน


ขีปนาวุธ BVR PL-15 (เวอร์ชั่นส่งออก) ที่ยิงโดยกองทัพอากาศปากีสถาน ทว่าล้มเหลวไม่ถูกเป้าหมาย ได้ถูกทางฝ่ายอินเดียเก็บกู้ขึ้นมา จากบริเวณหมู่บ้านกักวัล ในพื้นที่ดาสุยา ของอำเภอโฮเชียร์ปุระ, อินเดีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Jamming could be key to dodging China’s PL-15 missiles
by Stephen Bryen
08/06/2025

ขีปนาวุธอากาศสู่อากาศรุ่นใหม่ของจีนพลาดเป้าหมายไปหลายครั้งทีเดียวในการปะทะกันกลางเวหาระหว่างอินเดียกับปากีสถานเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นการเปิดเผยให้เห็นว่ามีความเป็นไปได้ที่มันมีจุดอ่อนเมื่อเจอกับการรบกวนสัญญาณเรดาร์

เมื่อ 1 เดือนก่อน ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับอินเดียสูญเสียเครื่องบินขับไล่ ราฟาล ไป 3 ลำ ในการทำศึกกลางเวหาช่วงสั้นๆ กับปากีสถานเหนือน่านฟ้าแคว้นแคชเมียร์ ผมชี้ให้เห็นในตอนนั้นว่าข้อมูลข่าวสารที่ปรากฏออกมายังอยู่ในขั้นเบื้องต้นเป็นอย่างยิ่ง และจำเป็นต้องเรียนรู้อะไรให้ยิ่งกว่านั้นอีกมาก ในเวลาที่ผมเขียนตอนนั้น เรายังไม่มีข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการสูญเสียของฝ่ายปากีสถานเลย และจนถึงเวลานี้เราก็ยังคงไม่ได้เห็นรายงานเรื่องราวที่น่าเชื่อถือออกมาจากแต่ละฝ่ายอยู่ดี
(อ่านข้อเขียนเมื่อ 1 เดือนที่แล้วของผู้เขียนได้ที่ https://asiatimes.com/2025/05/india-loses-top-fighter-jet-bad-news-for-its-future-air-combat/ หรือที่เก็บความเป็นภาษาไทยแล้วได้ที่ https://mgronline.com/around/detail/9680000044111)

อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญที่สุด ถ้าหากเรายอมรับสมมุติฐานที่ว่ารายงานเบื้องต้นซึ่งออกมานั้นมีความเชื่อถือได้ ก็คือผลงานของขีปนาวุธยิงจากอากาศสู่อากาศรุ่นที่ค่อนข้างใหม่ของจีน ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อว่า PL-15

PL-15 เป็นขีปนาวุธที่มุ่งโจมตีใส่เป้าหมายจากระยะไกลเกินสายตามองเห็น (beyond-visual-range หรือ BVR) มีความคล้ายคลึงอยู่ไม่น้อยกับพวกขีปนาวุธ BVR ของสหรัฐฯ อย่างเช่น AIM-120 สำหรับ PL-15 ดูจะเป็นขีปนาวุธที่ทรงพลังและรวดเร็ว สามารถบินเข้าเล่นงานเป้าหมายของมันด้วยความเร็ว มัค 5 (Mach 5) ซึ่งก็คือเร็วกว่าความเร็วเสียง 5 เท่า อันถือเป็นระดับขั้นต่ำสุดของอัตราความเร็วไฮเปอร์โซนิก (hypersonic)

ขีปนาวุธนี้ใช้เครื่องยนต์แบบที่สามารถทำอัตราความเร็วได้ 2 ครั้ง (dual-pulse engine) การทำอัตราความเร็วครั้งแรก ซึ่งใช้ในตอนที่เริ่มยิงออกไป จะเป็นพลังขับดันให้ขีปนาวุธพุ่งไปยังเป้าหมายของมัน แล้วขณะที่ขีปนาวุธกำลังหมดพลังงานลงใกล้ๆ กับเป้าหมาย อัตราความเร็วครั้งที่สองของเครื่องยนต์ จะช่วยทำให้ขีปนาวุธกลับเร่งความเร็วขึ้นมาได้อีกครั้ง

คุณสมบัติเช่นนี้มีส่วนอย่างสำคัญในการทำให้ PL-15 มีพลังทำลายร้ายแรง เนื่องจากอัตราเร็วเช่นนี้ทำให้เป้าหมายของมันยากที่จะหลบหลีก ทั้งเครื่องบินขับไล่ของฝ่ายรัสเซียและฝ่ายจีนต่างเน้นหนักเรื่องการสู้รบแบบดำเนินกลยุทธ์ (maneuverability) ขณะที่เครื่องบินรบสหรัฐฯ โดยเฉพาะ F-35 ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ อากาศยานของทางฝ่ายสหรัฐฯนั้น ที่เป็นข้อยกเว้นก็เห็นแต่ F-22 ซึ่งเป็นเครื่องบินเทคโนโลยีหลีกเร้นเรดาร์ (stealth)

เหตุผลประการหนึ่งของเรื่องนี้ก็คือ การออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ของเครื่องบินสเตลธ์นั้น เบื้องต้นเลยตั้งใจให้สามารถหลีกเร้นเรดาร์ได้ (โดยเฉพาะเรดาร์แบบ X-band) นอกจากนั้นแล้ว พวกเครื่องบินขับไล่รัสเซียยังใช้เครื่องยนต์แบบปรับทิศทางแรงขับได้ (thrust-vectoring engine) ทำให้เครื่องบินสามารถดำเนินกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็วคล่องตัว

โดยเฉพาะเครื่องยนต์ AL-41F1 ที่ติดตั้งในเครื่องบินขับไล่ Su-57 มีหัวฉีดแบบทำให้ปรับทิศทางแรงขับได้ และบูรณาการเข้ากับระบบการบินและระบบควบคุมแรงขับดัน อันเป็นเทคโนโลยีซึ่งไม่มีใน F-35 ของสหรัฐฯ

ตามรายงานของสื่อมวลชนเฉพาะวงการหลายๆ แห่งระบุว่า กองทัพอากาศอินเดีย ซึ่งมีทั้งเครื่องบินขับไล่ ราฟาล ของฝรั่งเศส และพวก Su-30s ของรัสเซีย สามารถหลบหลีก PL-15 ได้อย่างน้อยที่สุด 8 ครั้ง

มีการกู้ชิ้นส่วนที่เกือบสมบูรณ์ของขีปนาวุธ PL-15 ได้หลายชิ้นทีเดียวในอินเดีย ประเทศจำนวนมากต่างกระหายอยากเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการศึกษาค้นคว้าจากขีปนาวุธที่โจมตีเป้าหมายไม่สำเร็จเหล่านี้ โดยที่มีอยู่ลูกหนึ่งซึ่งยังไม่ได้เกิดการระเบิดใดๆ เลย เวลาเดียวกัน ก็เกิดมีคำถามขึ้นมาว่าทำไมขีปนาวุธเหล่านี้จึงพลาดไม่สามารถทำลายเป้าหมายของพวกมันได้ แล้วตกลงสู่พื้นดินโดยไม่เกิดการระเบิด

PL-15 นั้นนำวิถีโดยเรดาร์ของเครื่องบินที่ยิงมันออกไป หรือโดยพวกเครื่องบินประเภทเครื่องบินเตือนภัยล่วงหน้าและควบคุมกลางอากาศ (An airborne early warning and control หรืแ AEW&C) มันจะใช้เรดาร์แบบ AESA (active electronically scanned array)) ที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวมันเอง (โดยที่ขอบเขตการมองเห็นก็มีความจำกัด) ในช่วงสุดท้ายของเส้นทางการบินของมัน

เศษซากที่ถูกระบุว่าเป็นส่วนหนึ่งของขีปนาวุธ PL-15E ซึ่งพบตกอยู่บนแผ่นดินอินเดีย  ทั้งนี้ถ้าหากเวอร์ชั่นเพื่อการส่งออกนี้ก็ติดตั้งด้วยอุปกรณ์เสาหาเป้าที่เป็นเรดาร์ Ku-band AESA ถึงแม้เรื่องพิสัยทำการอาจจะถูกลดลงมาจากเวอร์ชั่นใช้ในกองทัพจีนเอง แต่ก็ไม่น่ากระทบสมรรถนะทางด้านการนำทาง หรือสมรรถนะด้านการต่อสู้มาตรการรบกวนสัญญาณเรดาร์ของฝ่ายข้าศึก สำหรับวันที่การผลิตนั้นระบุเอาไว้ว่า เดือนกรกฎาคม 2015
อินเดียนั้นมีอุปกรณ์การรบกวนสัญญาณเรดาร์ชั้นดี ตัวอย่างเช่น เครื่องบิน ราฟาล ก็มาพร้อมกับระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของมันเองที่เรียกว่า SPECTRA (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.key.aero/forum/modern-military-aviation/102520-french-ecms-history-technology-and-facts)

เครื่องบินขับไล่ Su-30MKI ของกองทัพอากาศอินเดีย ก็ติดตั้งเครื่องรับสัญญาณเตือนภัยเรดาร์ ทารัง (Tarang radar warning receiver) ของรัสเซีย และพ็อดรบกวนสัญญาณเรดาร์ (jammer pod) ทำในอิสราเอล ที่มีชื่อว่า EL/M 8222 อุปกรณ์รบกวนสัญญาณเรดาร์ตัวนี้ ผลิตโดย ELTA ที่เป็นแผนกงานหนึ่งของ อิสราเอล อะวิเอชั่น อินดัสทรีส์ (Israel Aviation Industries) ใช้เทคโนโลยี active phased array technology ในการตรวจจับภัยคุกคามและจัดแจงรบกวนสัญญาณของพวกมันได้อย่างละเอียดปราณีต (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.google.com/search?sca_esv=a37d976588f1b321&cs=0&sxsrf=AE3TifMnk5EBOUL0HttThMEzR1tjtqf_8w%3A1749328590727&q=active+phased+array+technology&sa=X&ved=2ahUKEwilpdDplOCNAxU-FVkFHaq9EHkQxccNegQIBBAB&mstk=AUtExfCNNVyoWNQ9oAq3aKEo7lqNE4DNQtIDHfdWY9XVgDC1wVBHiLPvvF5xMWR63T-0DD8knkySOVILj1AfPosU5Hnm22qtXfPmrRKL3sN9TDCLYJY-1SIsSdPeCog-CaObGo38Zlfv652P_8EOlaYHN_UDZbnqQHFRuPZuYONByUhvvgQXW9URz31ZV_vqEZabiWjhv-XqqKQq3kB0WDWCQNCgnoNkEHHwiZSF5s6KdoiqC0KAqgzXterN92XhjWZ9fiXRL0d_DwnKvHSzCdyvUFbl&csui=3)

ประวัติศาสตร์บางส่วนของเทคโนโลยีรบกวนสัญญาณเรดาร์ สามารถชมได้จากวิดีโอนี้
https://www.youtube.com/watch?v=f6jQaxyaRCw&t=6s

ไม่มีใครสามารถพูดได้ว่าพวกอุปกรณ์รบกวนสัญญาณเรดาร์เหล่านี้มีประสิทธิภาพแค่ไหนในตอนที่เกิดการปะทะกันช่วงสั้นๆ ระหว่างอินเดียกับปากีสถานครั้งนี้ แต่มีความเป็นไปได้ว่า ขีปนาวุธยิงจากอากาศสู่อากาศของจีน แม้กระทั่งพวกขีปนาวุธที่มีระยะ BVR ไกลมาก ก็ยังมีจุดอ่อนที่จะถูกรบกวนสัญญาณเรดาร์ได้

มีความเป็นไปได้มากที่พวกเรดาร์ AESA และส่วนประกอบนำวิถีอื่นๆ ของอาวุธ BVR จากอากาศสู่อากาศของจีน แม้กระทั่งพวกรุ่นใหม่ๆ อย่าง PL-15 จะใช้เทคโนโลยีแทบจะอย่างเดียวกันนี้

มีสิ่งที่จะได้เรียนรู้กันเพิ่มเติมมากกว่านี้แน่อน เมื่อ PL-15 ที่ตกลงสู่พื้นดินได้รับการศึกษาค้นคว้า และกระทั่งมีการหาประโยชน์มากกว่านี้อีก เมื่อกองทัพอากาศอินเดียสรุปรายงานกลับไปให้ทางฝ่ายฝรั่งเศสและฝ่ายรัสเซียรับทราบ แน่นอนทีเดียวว่าฝ่ายรัสเซียจะไม่ยอมบอกอะไรกับฝ่ายตะวันตก แต่ฝรั่งเศสน่าจะยินดีแบ่งปันข้อมูลกับสหรัฐฯตลอดจนพวกหุ้นส่วนชาตินาโต้รายอื่นๆ

ถ้าหากภัยคุกคามจาก BVR เป็นเรื่องที่สามารถรับมือได้แล้ว อนาคตของอาวุธเหล่านี้ก็จะตกอยู่ในสภาพไม่แน่ไม่นอน

ตัวอย่างเช่น กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) ได้วางเดิมพันเอาไว้กับเทคโนโลยี BVR เหมือนกัน โดยเฉพาะในการติดตั้งกับพวก F-35 และเครื่องบินขับไล่เจเนอเรชั่นที่ 4 ที่ไม่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์แบบอื่นๆ ซึ่งอยู่ในคลังแสงของสหรัฐฯ จุดอ่อนอย่างเดียวกันกับสิ่งที่เป็นไปได้ว่าอาจถูกค้นพบใน PL-15 จะปรากฏกับพวกอาวุธ BVR ของสหรัฐฯด้วยหรือไม่?

เราจึงสามารถสันนิฐานเอาไว้ก่อนว่า เพนตากอนน่าที่จะต้องการทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นอกจากนั้นแล้วการให้ความสนใจกับพวกอุปกรณ์รบกวนสัญญาณเรดาร์ และอะไรที่คล้ายๆ กัน ก็ต้องถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

สตีเฟน ไบรเอน เป็นผู้สื่อข่าวพิเศษอยู่ที่เอเชียไทมส์ เขาเคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเจ้าหน้าที่ของคณะอนุกรรมการตะวันออกใกล้ แห่งคณะกรรมาธิการวิเทศสัมพันธ์ของวุฒิสภาสหรัฐฯ รวมทั้งเคยเป็นรองปลัดกระทรวงกลาโหมด้านนโยบายของสหรัฐฯ สำหรับข้อเขียนนี้เผยแพร่ครั้งแรกใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน
กำลังโหลดความคิดเห็น