รัสเซียเผย ทหารฝ่ายจนรุกคืบประชิดพรมแดนแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครนเป็นครั้งแรกนับแต่สงครามคราวนี้ระเบิดขึ้น ขณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเครมลินเตือนสำทับ การบุกโจมตีแคว้นนี้แสดงให้เห็นว่า ถ้าเคียฟไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับการเข้ายึดครองดินแดนเพิ่มของแดนหมีขาวในการเจรจาสันติภาพ กองกำลังรัสเซียก็จะตะลุยโจมตีต่อไป
แม้มีความพยายามหารือข้อตกลงสันติภาพก่อนหน้านี้ แต่การสู้รบยังคงดำเนินต่อไป โดยกองทหารรัสเซียยังคงพยายามยึดครองดินแดนในยูเครนเพิ่ม ขณะที่เคียฟมีการใช้กองทัพโดรนก่อวินาศกรรมฝูงเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ที่สามารถติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ ตลอดจนโจมตีสะพานข้ามช่องแคบระหว่างแผ่นดินใหญ่รัสเซียกับแหลมไครเมีย รวมทั้งมอสโกยังระบุว่าเคียฟโจมตีทางรถไฟภายในรัสเซียด้วย
รัสเซียซึ่งก่อนหน้านี้ควบคุมดินแดนยูเครนเอาไว้น้อยกว่า 1 ใน 5 ของทั้งหมดเล็กน้อย ในเวลาไม่ถึง 1 เดือนที่ผ่านมา ได้ยึดพื้นที่กว่า 190 ตารางกิโลเมตรของแคว้นซูมี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนไปได้ ทั้งนี้ตามแผนที่จากแหล่งข่าวเปิดเผยที่เป็นฝ่ายโปรยูเครนหลายแห่ง
มาถึงตอนนี้ ตามคำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซีย หน่วยต่างๆ ของกองพลรถถังที่ 90 ของกลุ่มส่วนกลางของกองทัพรัสเซียได้บุกไปจนถึงชายแดนด้านตะวันตกของแคว้นโดเนตสก์แล้ว และกำลังโจมตีพื้นที่แคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ซึ่งอยู่ติดกัน
ดนิโปรเปตรอฟสก์ เป็นแคว้นที่ตั้งอยู่ตอนกลางของยูเครน ถือเป็นฮับเหมืองแร่และอุตสาหกรรมสำคัญของยูเครน ขณะที่พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบ ดังนั้นจึงขาดแคลนภูมิประเทศที่จะเป็นประโยชน์ในการสกัดการรุกของฝ่ายหมีขาว หากทหารรัสเซียสามารถบุกลึกเข้าไปได้จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อทั้งกองทัพและเศรษฐกิจยูเครนที่กำลังง่อนแง่น
ทางด้านกองกำลังส่วนใต้ของยูเครนโพสต์บนเทเลแกรม ระบุว่า ข้าศึกไม่ลดละความตั้งใจในการบุกแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ทว่า ทหารยูเครนที่กล้าหาญและมีความเป็นมืออาชีพยังสามารถสกัดแผนการดังกล่าวได้
วันเดียวกันนั้น ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีที่ปัจจุบันเป็นรองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย เตือนว่า การบุกโจมตีดนิโปรเปตรอฟสก์ เป็นการแสดงให้เห็นว่า ถ้ายูเครนไม่ยอมรับความจริงเกี่ยวกับการเข้ายึดครองดินแดนเพิ่มของรัสเซียในการเจรจาสันติภาพ กองกำลังมอสโกก็จะรุกคืบต่อไป
สิ่งที่รัสเซียเรียกร้องคือ การยอมรับจากเคียฟและนานาชาติว่า แหลมไครเมียที่ตนเองเข้าผนวกจากยูเครนตั้งแต่ปี 2014 และอีก 4 แคว้นในยูเครนที่ยึดมาได้ ได้แก่ โดเนตสก์ เคียร์ซอน ลูกันสก์ และซาโปริซเซีย เป็นดินแดนของรัสเซีย และยูเครนต้องถอนทหารออกไป ทว่า ยูเครนคัดค้านข้อเรียกร้องนี้
อนึ่ง แผนที่จากดีปสเตท ซึ่งเป็นช่องข่าวบนแพลตฟอร์มเทเลแกรมที่สนับสนุนยูเครน เผยให้เห็นว่า รัสเซียควบคุมพื้นที่ในยูเครนทั้งสิ้น 113,273 ตารางกิโลเมตร หรือ 18.8% ของดินแดนทั้งหมดของยูเครน ณ วันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา
แผนที่ของดีปสเตทยังแสดงให้เห็นว่า กองทัพรัสเซียเข้าใกล้ดนิโปรเปตรอฟสก์มาก และกำลังมุ่งหน้าสู่เมืองคอสเตียนตีนิฟกา ในแคว้นโดเนตสก์จากทุกทิศทาง
ดมิโทร ซาโปโรเซตส์ โฆษกกองทัพยูเครน แถลงว่า กองกำลังรัสเซียพยายามสร้างที่มั่นเพื่อใช้ในการโจมตีเมืองดังกล่าว ซึ่งเป็นฮับสำคัญสำหรับการส่งกำลังบำรุงของกองทัพยูเครน
ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ระบุว่า กำลังตรวจสอบรายงานของผู้บัญชาการทหารเกี่ยวกับพื้นที่ที่ถูกโจมตีหนักหน่วง ซึ่งรวมถึงพื้นที่ใกล้เมืองโปครอฟสก์ ศูนย์คมนาคมสำคัญในแคว้นโดเนตสก์ที่รัสเซียพยายามโอบล้อมบุกเข้ายึดมาหลายเดือนแล้ว และเสริมว่า สถานการณ์ยังยากลำบาก แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรับมือของทหารยูเครน
เมื่อวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (5 มิ.ย.) ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ประกาศมานานแล้วว่า ต้องการให้สงครามในยูเครนซึ่งถือเป็นความขัดแย้งนองเลือดที่สุดในยุโรปนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงโดยเร็ว วิจารณ์ว่า การสู้รบระหว่างเคียฟกับมอสโกเหมือนเด็กทะเลาะกัน และส่งสัญญาณซ้ำว่า อาจเลิกสนใจและปล่อยให้ทั้งคู่รบกันต่อไป
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)