ศาลสูงกรุงโตเกียววินิจฉัยคว่ำคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ให้อดีตผู้บริหารบริษัท โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ โค (TEPCO) ต้องจ่ายค่าเสียหายแก่บรรดาผู้ถือหุ้นรวม 13.3 ล้านล้านเยน จากกรณีหายนะนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้าฟูกูชิมะ ซึ่งถือเป็นวงเงินค่าเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์คดีแพ่งของญี่ปุ่น
อดีตผู้บริหาร 4 คนของ TEPCO ถูกศาลพิพากษาเมื่อปี 2022 ให้จ่ายค่าเสียหายรวมทั้งสิ้น 13.3 ล้านล้านเยน (ราว 3 ล้านล้านบาท) ในคดีความที่เหล่าผู้ถือหุ้นยื่นฟ้อง
อย่างไรก็ตาม ศาลสูงโตเกียวได้มีคำวินิจฉัยวันนี้ (6 มิ.ย.) ให้คว่ำคำตัดสินเดิมของศาลชั้นต้น ตามข้อมูลที่โฆษกศาลบอกกับเอเอฟพี
กลุ่มผู้ถือหุ้นให้เหตุผลว่า หายนะนิวเคลียร์ครั้งนี้ “สามารถป้องกันได้” หากผู้บริหาร TEPCO รับฟังผลการวิจัยและมีมาตรการป้องกันความเสี่ยง ตัวอย่างเช่น ติดตั้งแหล่งกำเนิดพลังงานฉุกเฉินเอาไว้บนที่สูงเหนือระดับพื้นดิน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ฝ่ายจำเลยได้โต้แย้งว่าความเสี่ยงเหล่านี้เป็นสิ่งที่ “คาดเดาไม่ได้” และผลการศึกษาที่ฝ่ายโจทก์นำมาอ้างก็ไม่น่าเชื่อถือ
“จำเลยไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น” คำพิพากษาของศาลระบุ
ทั้งนี้ วงเงิน 13.3 ล้านล้านเยนที่ฝ่ายโจทก์เรียกร้องนั้นถือว่าเป็นค่าเสียหายสูงสุดในประวัติศาสตร์คดีแพ่งของญี่ปุ่น และจะถูกใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ ชดเชยประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และกำจัดสารกัมมันตรังสีตกค้าง
โฆษกหญิงของศาลระบุด้วยว่า คำอุทธรณ์ของผู้ถือหุ้นที่ขอให้อดีตผู้บริหาร TEPCO ต้องจ่ายค่าเสียหายสูงขึ้นเป็น 22 ล้านล้านเยนก็ถูกศาลปัดตกเช่นกัน
ฝ่ายโจทก์ได้ชูป้ายแบนเนอร์สีชมพูและขาวเรียกร้องให้ผู้บริหาร TEPCO “แสดงความรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุนิวเคลียร์ฟูกูชิมะ!”
ฮิโรยูกิ คาวาอิ หัวหน้าทีมกฎหมายของฝ่ายโจทก์ ได้เอ่ยเตือนระหว่างการแถลงข่าววันนี้ (6) ว่า “ถ้าจะให้ผมสรุปคำตัดสินวันนี้ด้วยคำพูดประโยคเดียว มันคือคำตัดสินที่จะนำไปสู่อุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงอีกในอนาคต”
TEPCO ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลสูงในวันนี้ (6)
เมื่อปี 2015 บริษัทน้ำมัน BP สัญชาติอังกฤษเคยถูกศาลพิพากษาให้จ่ายค่าเสียหายสูงถึง 20,800 ล้านดอลลาร์จากเหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก ซึ่งก็ถือเป็นเงินค่าปรับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่บริษัทในสหรัฐฯ ถูกบังคับให้จ่าย
ที่มา: เอเอฟพี